‘กรุงไทย คาร์เร้นท์’ ปรับกลยุทธ์การบริหารรักษารายได้-กำไร หนีตลาดซบ


ข่าว

KCAR ชี้สัญญาณ ตลาดรถเช่า-รถมือสอง ยังไม่สู้ดี แม้มีรัฐบาลและท่องเที่ยวเริ่มฟื้นแต่เศรษฐกิจไทย-โลกยังไม่แน่นอน เชื่อเทรนด์รถเช่าทยอยเติบโต

.ads-billboard-wrapper{display:flex;min-height:250px;align-items:center;justify-content:center}

ในปี 2566 นับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับทุกธุรกิจในประเทศไทยแม้ว่าจะมีสัญญาณทางการเมืองที่ชัดเจนจากการมีรัฐบาล แต่กระนั้นการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจอาจจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่นัก เช่นเดียวกับตลาดรถเช่าและตลาดรถมือสองในประเทศไทย

KCAR เปิดบริการ Car Subscription เช่ารถ EV ระยะสั้น เจาะกลุ่มคนอยากลอง

กรุงไทย คงจีดีพีไทยโต 3.4 เศรษฐกิจเสี่ยงรอบด้าน ท่องเที่ยวประคอง จับตาการเมืองซ้ำเติม

‘พิชิต จันทรเสรีกุล’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.บริการให้เช่ารถยนต์ 2.ซื้อ-ขายรถยนต์มือสอง ซึ่งคาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะทรงตัวเท่ากับปีก่อนที่อยู่ที่ 2,280 ล้านบาท 

สำหรับผลประกอบการในปี 2565 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,280 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่า 1,347 ล้านบาท และรายได้จากการขายรถ 874 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 60 ล้านบาท ปัจจุบัน KCAR มีจำนวนรถที่ปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 9,000 คัน และมีฐานลูกค้าบริษัทจำนวน 1,200 บริษัท

ตลาดทั้ง 2 ทั้ง ตลาดรถเช่า และ ตลาดรถมือสอง ยังไม่ค่อยดี แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นแต่เศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี รวมถึง KCAR ให้บริการเช่าระรถยะยาวกับบริษัทเพื่อดำเนินงาน (Operating Lease) ที่บริษัทต่าง ๆ รอความเชื่อมั่นจากรัฐบาลแม้ว่าจะมีรัฐบาลแล้วแต่อาจจะยังมีความไม่แน่นอนอยู่รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน

ด้านตลาดรถยนต์มือสอง ปริมาณความต้องการ ถูกดึงไปอยู่ที่รถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากปัจจัยราคาน้ำมันแพง ประกอบกับปริมาณรถเข้าสู่ตลาดจากการถูกยึด ส่งผลให้กดดันราคาขายต่อของตลาดรถยนต์มือสองลดลง รวมถึงอัตราการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์มือสองยังมีอัตราการปฏิเสธสูงจึงส่งผลต่อการซื้อขาย ดังนั้น ในปีนี้บริษัทต้องใช้การบริหารจัดการเพื่อรักษาระดับรายได้และกำไร ไม่ให้ลดลงเมื่อเทียบกับตลาด

ขณะที่ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ขยายสัญญาการช่ารถออกจากเดิม 3-5 ปี เป็น 7 ปี ซึ่งสะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำให้ภาพรวมตลาดในปีนี้หดตัวเล็กน้อยที่ 2-3%  โดยปัจจุบันบริษัทที่เช่ารถในระยะเวลา 3 ปี มีอัตราอยู่ที่ราว 60-70% และระยะเวลาเช่า 5 ปี อยู่ที่ 30-40% แต่ก็มีกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ให้ความสนใจการเช่าแบบ Operating Lease เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่เริ่มเล็งเห็นข้อดีของการเช่าที่มอบการดูแลแบบครบวงจร มากกว่าที่จะซื้อ ซึ่งมาพร้อมการซ่อมบำรุงและการดูแลสินทรัพย์ในระยะยาว

ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มศึกษาการทำตลาดให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า โดยให้บริษัทต่าง ๆ ทดลองใช้ โดยยังต้องพิจารณาเรื่องต้นทุน, ค่าเสื่อม และ การขายซาก ว่าจะอยู่ที่เท่าไร โดยรูปแบบการให้เช่าของบริษัทสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นสัญญาระยะสั้น 1-3 ปี

อย่างไรก็ตาม มองว่าธุรกิจรถเช่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเทรนด์การเช่ารถยนต์ทั่วโลกที่เติบโตขึ้น ขณะที่ในประเทศไทยอาจจะยังต้องใช้ระยะเวลาและการให้ความรู้ความเข้าใจต่อตลาดโดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่าส่วนบุคคล เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยยังต้องการการครอบครองและยังมองข้ามการคิดคำนวนความคุ้มค่าของการเช่ารถที่ไม่ต้องมความกังวลในการซ่อมบำรุงและมีรถทดแทน 

วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *