สาวทดลอง Car Free Day หันใช้ขนส่งสาธารณะ โอดเสียเงินเสียเวลากว่าเดิม จาก 1 ชั่วโมงกว่า กลายเป็น 3 ชั่วโมง รองผู้ว่าฯ กทม. โผล่คอมเมนต์
วันที่ 22 ก.ย. 2566 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์รีวิวการทดลองใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว ตามโครงการรณรงค์ Care free day (วันปลอดรถ) โดยระบุว่า เมื่อวานใครใช้ถนนคือพัง ติดนรก!! เหตุผลมากมาย รถบนถนนเยอะไป ใช้แต่รถส่วนตัวกัน #carfreeday แพรเลยทดลองใช้ชีวิตด้วยรถขนส่งสาธารณะจะรอดไหม? และก็ค้นพบว่า.. มันไม่มีอยู่จริง!! (ในมุมที่อยากเปลี่ยนให้คนใช้รถส่วนตัวมาใช้ขนส่งสาธารณะนะฮะ)
การเดินทางวันนี้
1.คอนโดแถวราชเทวี – ช่อง 9
2.ช่อง 9 - ศูนย์การแพทย์
ศูนย์การแพทย์ - คอนโดแถวราชเทวี
> ความไม่มีอยู่จริงแรก.. เสียพลังงาน
เดินทางไปแต่ละที่ต้องต่อรถหลายต่อ BTS / MRT/ รถเมล์แล้วเดินเท้าต่ออีก เพราะสถานที่ส่วนใหญ่รถขนส่งสาธารณะเข้าไม่ถึงขาดรอยต่อทำให้ต้องพึ่งพาพี่วินหรือtaxi อยู่ดี.. แพรลองเดินเท้าดูพบกว่าหมดแรงจ้า แดดเมืองไทยทางเท่าเมืองไทยไม่เข้าใจเรา
>ความไม่มีอยู่จริงสอง.. เสียเวลา
เทียบจากขับรถส่วนตัว
จาก 15 นาที เป็น 1 ชม.
จาก 10 นาทีเป็น 1:15 ชม.
รวมเวลาบนถนนของแพรวันเดียวกันจาก 1 ชม. นิดๆ > 3 ชม.ครึ่งทันที
> ความไม่มีอยู่จริงสาม.. เสียเงิน(มากกว่าเดิม)
ยิ่งต่อรถมาเท่าไรราคาก็ยิ่งบวกเพิ่มไปเท่านั้น เบ็ดเสร็จเมื่อวานก็คือมากกว่าขับรถเองจ้า
พอมันยากขนาดนี้ ก็เลยนึกสงสัยเรื่องการรณรงค์ว่าเราทำเพื่ออะไรกันนะ
เพื่อให้คนใช้รถส่วนตัวลองเริ่มใช้ขนส่งสาธารณะ เผื่อเค้าจะลดการใช้ลงบ้างนะเหรอ?
** ผลลัพธ์อาจจะยิ่งกลับด้าน เพราะเมื่อระบบขนส่งมันไม่พร้อม รณรงค์แค่ไหนสุดท้ายก็กลับไปที่จุดเดิม..
** ได้แต่หวังให้คนที่มีอำนาจและรับผิดชอบๆได้มาทดลองใช้ชีวิตแบบประชาชนปกติดูบ้าง เผื่อความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นจริงโดยไม่จำเป็นต้องรณรงค์กันก็ได้
ภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ได้มีคนแท็กเฟซบุ๊ก นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่า ฯ กทม. เพื่อสะท้อนถึงปัญหา ด้านเจ้าตัวเข้ามาตอบว่า “รับทราบครับ น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้บริหารวันนี้หลายท่านเพิ่งเคยเจอ จะทำให้ดีขึ้นอย่างเต็มที่ที่สุดครับ”