สัมผัสแรกขับทางไกล ทดสอบ BYD SEAL AWD PERFORMANCE มอเตอร์คู่ วิ่งไกล 580 กิโลเมตร


.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}

BYD Seal คือเทคโนโลยีที่สมเหตุผลเพื่อการขับเคลื่อนในอนาคต ประสิทธิภาพที่เกิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า ระยะทางที่ทำได้ประมาณ 400-480 กิโลเมตร (อย่าไปเชื่อตัวเลข NEDC มากนัก) มันเป็นรถที่มีส่วนผสมดีงามและค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ด้วยเฉดสีของ Porsche Taycan มีไฟหน้าและส่วนหน้าอยู่กึ่งกลางระหว่างส่วนโค้งของ Tesla Model 3 กับ Hyundai Ioniq 6 ไฟท้ายแบบยาว เชื่อมต่อกันทั้งสองฝั่ง คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบในยุโรปหรืออเมริกา แต่ Seal ขับได้ดีกว่ารถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งที่มีค่าตัวแพงกว่ามาก นั่นคือเรื่องจริง

ด้วยความพยายามที่จะเอาชนะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของคู่แข่ง ทีมดีไซน์ของ BYD ที่ประกอบไปด้วยนักออกแบบรถยนต์ฝีมือฉมังอย่าง Wolfgang Egger ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ BYD ซึ่งเคยทำงานอยู่กับแบรนด์รถอิตาลีชั้นนำอย่าง Alfa Romeo โดยฝากฝีไม้ลายมืออันเข้มข้นเอาไว้บนรถสปอร์ต Alfa Romeo 8C Competizione รวมถึง Alfa Romeo 156 และ 166 ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ก่อนที่จะย้ายไปยัง Volkswagen Group ผ่านทาง Lancia และจบลงที่ Audi สุดท้าย Wolfgang Egger มองเห็นอนาคตที่สดใสภายใต้ร่มเงาของพญามังกร จึงตัดสินใจบึ่งมาเมืองจีนเพื่อร่วมงานกับ BYD นั่นแค่ประวัติของคนออกแบบ BYD Seal ก็ยาวเหยียดซะแล้ว……. 

BYD หรือ Build Your Dreams เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีน ซึ่งนี้กำลังรุกเข้าสู่ตลาดยุโรปอย่างทะเยอทะยาน Seal เป็นรถโมเดลที่สามของการขายผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าในไทยของ BYD โดยทำหน้าที่เป็นรถรุ่นเรือธงต่อจาก Atto 3 และ Dolphin 

BYD Seal อยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่เข้มข้นในตลาดรถยนต์ซีดานไฟฟ้า D-segment ในแง่ของยอดขายทั่วโลก ซึ่งทุกวันนี้ถูกครอบงำโดย Tesla Model 3 มานานแล้ว ปัจจุบัน เซกเมนต์นี้ยังมี BMW i4, Polestar 2 และ Hyundai Ioniq 6 ให้เลือกอีกด้วย

BYD Seal ที่ขายในไทย ซึ่งจะมีการเปิดราคาในเย็นวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566 นี้ มีสามรุ่นให้เลือกคือ 

BYD SEAL DYNAMIC RWD แบตเตอรี่ ‘Blade’ ลิเทียมไอออนฟอสเฟต ขนาด 61.4 kWh สีตัวถัง ขาว, ดำ ตัวต่ำสุด มอเตอร์เดี่ยวขับหลัง 203 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ชาร์จเต็ม วิ่งไกล 510 กิโลเมตร หักกลบลบหนี้ แบตฯ 61 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ของ Seal รุ่น Dynamic RWD ทำระยะทางได้ประมาณ 450 กิโลเมตร Seal รุ่นเริ่มต้นนี้ คาดว่าจะมีราคาไม่เกิน 1,400,000 บาท 

BYD SEAL PREMIUM RWD แบตเตอรี่ 82.0 kWh สีตัวถัง ขาว, ดำ, เทา มอเตอร์เดี่ยวขับหลัง 312 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร ชาร์จเต็ม วิ่งไกล 650 กิโลเมตร แต่อย่าไปเชื่อตัวเลขของบริษัทรถที่แจ้งมาในเอกสาร เพราะมันเป็นตัวเลขที่ไม่ตรงกับการใช้งานจริง Seal รุ่น Premium RWD ขับเคลื่อนล้อหลัง เมื่อนำมาวิ่งด้วยความเร็วปกติบนถนน มีเร่งแซงบ่อยครั้ง จะวิ่งได้ไกลประมาณ 550 กิโลเมตร หรืออาจน้อยกว่านั้น หากคนขับเกิดมันในอารมณ์กดคันเร่งอย่างต่อเนื่อง แบตฯ 82.0 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ก็จะร่อยหรอลงไปอย่างรวดเร็ว ในวันเปิดราคา คาดว่าเจ้าแมวน้ำตัวกลางรุ่นนี้ จะมีราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท +/- 500,000 บาท 

BYD SEAL AWD PERFORMANCE แบตเตอรี่ 82.0 kWh สีตัวถัง ขาว, ดำ, เทา, ฟ้า รุ่นท็อปสุดของแมวทะเล แบตเตอรี่ 82.0 กิโลวัตต์/ชั่วโมงเหมือนรุ่นกลาง ประจำการด้วยมอเตอร์สองตัว วางคร่อมเพลาหน้า-หลัง สร้างกำลังได้มากถึง 530 แรงม้า แรงบิดจากมอเตอร์คู่ ไม่ต้องสืบเพราะแรงโคตร ทำได้ 670 นิวตันเมตร นั่นมันเป็นแรงบิดมโหฬารระดับเดียวกับรถสันดาปภายในอย่าง BMW M4 G82 เลยทีเดียว BYD เคลมการทำระยะทางด้วยแบตที่มีไฟเต็มของ Seal AWD Performance เอาไว้ที่ 580 กิโลเมตร เมื่อลองเอามาขับทดสอบใช้งานจริงจัง จากกรุงเทพฯ ไปยังเขาใหญ่ ก็ค่อนข้างกินกระแสไฟ เพราะใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องทั้งไปและกลับ เมื่อแบตฯ มีไฟเต็ม Seal AWD Performanc จะวิ่งได้ระยะทางประมาณ 460-480 กิโลเมตร หรือน้อยกว่านั้นหากคนขับท้ารบไปตลอดทาง (เร่งแซงสุดติ่งกระดิ่งเหมียวมากๆ) ราคาของรุ่นท็อปสุด AWD Performance คาดว่า ไม่ควรจะเกิน 1,700,000 บาท และถ้าทำได้ต่ำกว่านั้นรับรองว่าขายดีจนผลิตไม่ทันละครับ 

ซีรีส์ Ocean ของ BYD เน้นการออกแบบที่ลื่นไหล ด้วยอากาศพลศาสตร์หรือแอโรไดนามิกที่เหนือกว่าซีรีส์ Dynasty ซึ่งรวมถึง Han EV แนวทางการออกแบบใหม่สอดคล้องกับแนวโน้มของงานดีไซน์ยานยนต์รุ่นใหม่จากฝั่งยุโรป เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดส่งออกของประเทศจีนได้มากขึ้น ความดุดัน สปอร์ต ความประณีต และความรู้สึกของการนั่งขับระดับพรีเมียม เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์สูงที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ BYD Ocean series

Seal มีขนาดที่เล็กกว่า Han ดีไซน์ที่เน้นความลู่ลมด้วยฝากระโปรงหน้าที่เทลาด มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.219 (cd 0.219) ไฟหน้าบางเฉียบพร้อมส่วนต่อขยายรูปตัว C กันชนหน้าเรียบเพื่อลดแรงต้านทานอากาศ ช่องรับอากาศด้านข้างแนวตั้งเอียงในการออกแบบอย่างมีศิลปะ และช่องรับอากาศด้านล่างขนาดกะทัดรัดรูปตัว A เส้นกลางตัวถังที่โฉบเฉี่ยว เสา C ที่เรียวบาง มือจับที่เปิดบานประตูที่จะหดกลับเมื่อรถเคลื่อนตัวหรือกดล็อก กันชนหลังตกแต่งด้วยดิฟฟิวเซอร์ ไฟท้ายทรงยาวสีขาวเชื่อมต่อทั้งสองฝั่งด้วยเส้นไฟท้ายที่แบ่งส่วนท้ายบนและล่างออกจากกัน ตำแหน่งชาร์จไฟฟ้าอยู่ด้านขวามือ คล้ายกับฝาเติมเชื้อเพลิงของรถยุโรปที่มักจะอยู่ที่ด้านขวา

รูปทรงที่ไม่เหมือนใครเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Tesla Model 3 รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่งผลดีต่อการใช้พลังงานและความสบายในห้องโดยสาร ทำให้มีระยะทางที่ไกลขึ้น รอบการชาร์จที่น้อยลง หมายถึงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 4,800 มิลลิเมตร กว้าง 1,875 มิลลิเมตร สูง 1,460 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,990 มิลลิเมตร ล้อและยาง รุ่น Dynamic RWD ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ยาง 225/50R18 รุ่น Premium RWD และ AWD Performance ใส่ล้ออัลลอย ไซส์ 19 นิ้ว ยาง 235/45R19

โดยภาพรวมแล้ว ทรงของ Seal แตกต่างจากรถคู่แข่งอย่าง Tesla Model 3 หรือ BMW i4 รูปลักษณ์ภายนอก ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ความลู่ลมส่งผลดีต่อการใช้พลังงานไฟฟ้า และการเก็บเสียงที่โดดเด่น ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ต่ำ ทำให้ Seal มีระยะทางไกลขึ้น ทำรอบการชาร์จน้อยลง หมายถึงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น e-Platform 3.0 ถูกนำมาใช้เหมือนกันกับ Atto 3 และ Dolphin แต่ใช้การติดตั้งแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน เรียกว่า Cell To Body (CTB) โดยยึดชุดแบตเตอรี่ Blade สูง 11 ซม. เข้ากับโครงสร้างของรถ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่ารถยนต์สันดาปภายใน ส่งผลดีต่อการทรงตัวในทุกย่านความเร็ว การติดตั้งในลักษณะดังกล่าว เพิ่มความแข็งแกร่งในการต้านทานแรงบิดและช่วยให้พื้นรถบางลง ส่งผลให้แนวหลังคาของ Seal ต่ำลงราวกับรถสปอร์ต ผลลัพธ์ที่ได้คือการสร้างสรรค์ตัวถังที่สวยงาม ลายเส้นด้านข้างที่ออกแบบอย่างประณีต มือจับประตูแบบยืดหดได้ สำหรับบั้นท้ายของ Seal ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ออกแบบได้ดีที่สุดจากแบรนด์จีน ฝาท้ายไฟฟ้าทำให้การโหลดสัมภาระง่ายขึ้น

เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับบั้นเอวปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมหน่วยความจำ ระบบปรับอากาศภายในพร้อมตัวกรอง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ที่วางแก้ว 2 ช่อง ระหว่างที่นั่งด้านหน้า และระหว่างที่นั่งด้านหลัง ระบบแอร์อัตโนมัติแบบดูอัลโซน พร้อมปั๊มความร้อนที่นำพลังงานความร้อนหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดการใช้พลังงาน ระบบกรองอากาศ PM 2.5 อุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เซนเซอร์วัดแสงสำหรับปรับความโปร่งใสแบบอัตโนมัติ

BYD Seal มีเบาะที่นั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ที่นุ่มเหลือกำลังลาก เบาะนั่งแบบสปอร์ต มีพนักรองด้านข้างขนาดใหญ่ เบาะหลังหรูหราสีเทาเข้ม เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน ครอบงำโทนสีตกแต่งภายในให้ สอดคล้องกับธีมทะเลของโมเดลแมวน้ำ เบาะนั่งภายในมีวัสดุพวกฟองน้ำและยางสังเคราะห์ที่เน้นความนุ่มมากเป็นพิเศษ เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงินเพื่อให้ดูตัดกัน ที่จับประตูมีรูปทรงเหมือนเปลือกหอย การใช้วัสดุอาคันทาร่าไมโครไฟเบอร์เลียนแบบหนัง Alcantara แสนแพงที่ทำออกมาได้ดี (มาก) ในจุดสัมผัสที่เน้นความนุ่ม ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับห้องโดยสาร ที่เก็บสัมภาระมีพื้นเรียบ ใส่ของชิ้นโตๆ ได้อย่างสะดวก เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้ารองรับส่วนบั้นเอวพร้อมหน่วยความจำ ระบบระบายอากาศในตัวเบาะ และระบบทำความร้อนสำหรับรถที่ขายในเขตหนาว เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า ระบบระบายอากาศและระบบทำความร้อน ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซนพร้อมปั๊มความร้อนที่นำพลังงานความร้อนทิ้งกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดการใช้พลังงานเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีตัวกรองอากาศ PM 2.5 และซันรูฟแบบพาโนรามาพร้อมเซนเซอร์วัดแสงเพื่อปรับความโปร่งใสโดยอัตโนมัติ

แดชบอร์ดที่โฉบเฉี่ยวพร้อมช่องแอร์ ที่กว้างและโค้งมน, W-HUD, แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว, คอนโซลกลางที่เชื่อมต่อกับโซนของผู้โดยสารตอนหน้า ปุ่มช่วยจอด และส่วนควบคุมการขับขี่อื่นๆ กุญแจดิจิทัล NFC กาบข้างประตูแบรนด์ BYD แท่นชาร์จโทรศัพท์ Qi ระบบเสียง Dynadash เป็นอุปกรณ์มาตรฐานภายในห้องโดยสาร Seal มีระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสสไตล์แท็บเล็ต ขนาด 15.6 นิ้วที่ปรับหมุนได้ สามารถเปลี่ยนการวางแนวของจอภาพมอนิเตอร์กลาง จากแนวนอนเป็นแนวตั้งได้ตามต้องการ เชื่อมต่อกับระบบที่เปิดใช้งาน 5G รวมถึงระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ DiLink ของ BYD ที่ช่วยให้ติดตั้งแอปพลิเคชันเหมือนสมาร์ทโฟนในระบบอินโฟเทนเมนต์

โครงสร้างแชสซีของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ใช้แพลตฟอร์ม BYD e-Platform 3.0 รองรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนล้อหลัง RWD และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทั้งสี่ล้อ AWD ในรุ่นสูงสุด แพลตฟอร์มไฟฟ้า e 3.0 รองรับแบตเตอรี่ที่เน้นเวลาในการชาร์จสั้นลง ระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ที่ด้านหน้า ระบบกันสะเทือนแบบอิสระห้าลิงก์ที่ด้านหลังเซตค่ามาดี ออกแนวแข็งๆ สำหรับคนที่ชอบ Camry แม้จะเล็กกว่า Han EV แต่ก็มีระยะฐานล้อเท่ากัน แพลตฟอร์ม e 3.0 มีพื้นที่ห้องโดยสารที่เหมาะสมในขณะที่ตัวถังมีขนาดเล็กลง ซึ่งขนาดที่พอดีของมัน ช่วยในด้านความคล่องแคล่วเมื่อขับใช้งานในเมือง

แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว, หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วที่หมุนได้ระหว่างแนวนอนและแนวตั้ง, ระบบเสียง Dynaudio ลำโพง 12 ตัว, เบาะนั่งคู่หน้าแบบอุ่นและระบายอากาศ, กระจกหลังคา Panoramic Roof มีการติดฟิลม์เพิ่มสำหรับรถทดสอบของสื่อ เพื่อลดความร้อนแรงของแสงอาทิตย์, กล้องพาโนรามามองรอบคันที่โคตรชัดและความสามารถในการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอกสูงถึง 3kW ระบบอินโฟเทนเมนต์ของ Seal มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทำงานโดยโปรเซสเซอร์ที่หนักหน่วงอย่างจริงจัง พร้อมการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่ออินพุตบนหน้าจอหรือคำสั่งเสียง อินเทอร์เฟซมีลักษณะคล้ายกับแท็บเล็ต Android ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ความสามารถในการหมุนจอแสดงผลก็เป็นประโยชน์สำหรับเอาไว้อวดเพื่อน เมื่อใช้ Apple CarPlay ปรากฏว่าเชื่อมต่อแล้วหลุดบ่อย แต่ไม่ได้ลองเชื่อม Android Auto ที่น่าจะมีความเสถียรมากกว่า 

มอเตอร์คู่ของ Seal AWD Performance เร็วจี๋มากพอที่จะเร่งแซงรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือด้วยการใช้คันเร่งเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น e-Platform 3.0 ของ BYD ทำหน้าที่ปิดผลึกห้องโดยสารจากเสียงยางบดลงไปบนผิวถนนและเสียงลมได้ดี ระบบกันสะเทือนปีกนกคู่ที่ด้านหน้า และมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง รวมถึงพวงมาลัยไฟฟ้าที่ขึงตรึงแน่นให้ความสมดุลที่ดีในการควบคุมทิศทางบวกกับความสะดวกสบายโดยเฉพาะเบาะนั่งที่หนานุ่มของมัน ยาง Continental EcoContact ซึ่งเป็นยางติดรถก็ทำหน้าที่ได้ดีทั้งบนถนนแห้งในช่วงขาไปและยึดเกาะสร้างความมั่นใจในขณะที่ฝนตกหนักช่วงขากลับ  

Seal AWD Performance ขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลัง 530 แรงม้า ตอบสนองได้ดีมาก ไม่ว่าจะอยู่ในโหมดการขับขี่แบบใดก็ตาม แรงพุ่งทะยานด้วยการใช้คันเร่งเพียงนิดเดียว ทำให้มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทรงซีดานที่ว่องไวเอาเรื่อง มอเตอร์สองตัวมีประสิทธิภาพมากกว่า Tesla Model 3 ระบบขับเคลื่อนมาพร้อมกับวิ้ดของมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อเร่งความเร็ว การเก็บเสียงโดยรวมทำได้ดี มันเงียบใช้ได้ที่ความเร็วเดินทาง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยการซีลบานประตูที่มีประสิทธิภาพ กระจกด้านข้างแบบสองชั้น การบังคับเลี้ยวทำได้รวดเร็วและมีน้ำหนักพวงมาลัยที่เหมาะสมไม่เบาเกินไป โหมดสปอร์ตตอบสนองได้อย่างที่ควรจะเป็น มากกว่านั้นน่าจะควบคุมได้ยาก การขับเข้าโค้งให้ความรู้สึกที่เป็นกลาง หักเลี้ยวเข้าโค้งมุมแคบได้อย่างแม่นยำ และอาการโคลงตัวในระดับต่ำ สำหรับนักขับที่ชอบสมรรถนะ อัตราเร่งที่ดุดัน รวมถึงความคล่องตัวในเมือง การเลือกรุ่นสูงสุด Seal AWD Performance นั้นคุ้มค่าแน่นอน

เมื่อลองขับทดสอบอัตราเร่งในสนามทดสอบ 8 Speed ที่เขาใหญ่ การเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งแบบเต็มกำลังใน Seal รุ่น AWD PERFOMANCE ปราศจากการลื่นไถลของล้ออย่างสิ้นเชิง Seal รุ่นสูงสุด มีความนิ่งเมื่อออกสตาร์ตด้วยการกดคันเร่งลงจนสุด ชุดส่งกำลังไฟฟ้ารักษาระดับแรงบิดนั้นไว้จนถึงตัวเลขสามหลัก (0-100) ที่ 3.8 วินาที พร้อมแรงดึงที่หนักหน่วง ประสิทธิภาพการเบรกทำได้ดี ด้วยระยะที่ครอบคลุมเพียง 35.9 เมตร เมื่อหยุดที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จนถึง 0 ห้องโดยสารเก็บเสียงดีและเงียบมาก 

ที่สนาม 8 Speed ในเขาใหญ่ในสถานีเปลี่ยนเลนฉุกเฉินและสถานีสลาลม BYD Seal เป็นรถยนต์คันแรกของ BYD ที่ใช้เทคโนโลยี iTAC ย่อมาจาก Intelligence Torque Adaption Control ระบบนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับให้มอเตอร์ขับเคลื่อน มีแรงฉุดลากมากกว่า พร้อมการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพที่ใช้เซนเซอร์ติดตั้งในล้อ เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของความเร็ว การเบรกเพื่อแทรกแซงเมื่อเกิดความจำเป็น เซนเซอร์ตรวจจับความเร็วล้อ จะแบ่งการทำงานแต่ละรอบของล้อออกเป็น 32 หรือ 48 บิต ใน iTAC วงล้อของแต่ละมุมสามารถแบ่งออกเป็น 4,096 บิต ซึ่งหมายความว่าความเร็วและความแม่นยำของข้อมูลที่รวบรวมจะสูงขึ้นอย่างมาก iTAC สามารถปรับการส่งแรงบิดของมอเตอร์แบบเรียลไทม์ ส่งแรงบิดบางส่วนหรือทั้งหมดไปยังล้อทั้งสี่ เพื่อเพิ่มการยึดเกาะ เมื่อ BYD ถูกทดสอบบนผิวถนนที่เปียกลื่นก็พบว่าระบบ iTAC สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 กม./ชม. (0-97 ไมล์/ชม.) ได้เร็วขึ้น 0.7 วินาที นอกจากนี้ เมื่อขับแบบดริฟต์ใน Seal RWD คนขับ ไม่ต้องแก้ไขทิศทางของพวงมาลัยมากเกินไป

อายุการใช้งานแบตเตอรี่และการชาร์จ

Seal เป็นรุ่นแรกของ BYD ที่มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ CTB (cell-to-body) การประกอบแบตเตอรี่เข้ากับตัวรถทำให้สามารถใช้โครงสร้างแบบแซนด์วิช ฝาปิดด้านบนของชุดแบตเตอรี่ รวมเข้ากับพื้นของตัวรถ CTB cell-to-body ทำให้ความแข็งในการต้านทานแรงบิดเพิ่มขึ้น 100% หรือ 40,000+ Nm/°(เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มทั่วไป) CTB เปิดโอกาสให้เพิ่มความสูงของแชสซีได้ หมายความว่ารถมีโอกาสน้อยที่จะได้รับความเสียหายจากการกระแทก กรณีโดนชนด้านข้าง โครงสร้างของรถจะช่วยปกป้องผู้โดยสารภายในได้มากกว่า

แพลตฟอร์ม BYD e-Platform 3.0 รองรับมอเตอร์และแบตเตอรี่พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง RWD แบบมอเตอร์เดี่ยว หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบมอเตอร์คู่ แพลตฟอร์ม 3.0 ใช้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อร่นเวลาในการชาร์จให้สั้นลง

ระบบกันสะเทือนแบบดับเบิลวิชโบนปีกนกคู่ที่ด้านหน้าและระบบกันสะเทือนแบบอิสระมัลติลิงก์ที่ด้านหลัง แม้จะเล็กกว่า Han EV แต่ Seal ก็มีระยะฐานล้อเท่ากันกับ Han จากการใช้แพลตฟอร์มไฟฟ้าร่วมกัน ขนาดที่เล็กกว่าจะช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วในเมือง

Seal เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ BYD ที่มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ CTB (cell-to-body) การประกอบแบตเตอรี่เข้ากับตัวรถ ทำให้สามารถใช้โครงสร้างแบบแซนด์วิช ฝาปิดด้านบนของชุดแบตเตอรี่จะรวมเข้ากับพื้นของตัวรถ CTB เพิ่มความแข็งแกร่งและต้านทานแรงบิดตัวขึ้นอีก 100% ที่ 40,000+ Nm/° มีการเพิ่มความสูงของแชสซี ซึ่งหมายความว่าลดโอกาสที่ชุดแบตเตอรี่จะได้รับความเสียหายจากการกระแทก

ตัวเลขสมรรถนะและความจุของแบตเตอรี่สองแบบสำหรับ BYD Seal 3 รุ่น 

BYD SEAL DYNAMIC RWD แบตเตอรี่ 61.4 kWh กำลังการชาร์จไฟกระแสตรง (DC) ที่ 110 กิโลวัตต์-150 กิโลวัตต์ ชาร์จ 30-80% ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลัง 203 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.5 วินาที ชาร์จเต็มวิ่งไกล 510 กิโลเมตร น้ำหนักรถ 1,922 กิโลกรัม 

BYD SEAL PREMIUM RWD แบตเตอรี่ 82.0 kWh ขับเคลื่อนล้อหลังแบบมอเตอร์เดี่ยว กำลัง 230 กิโลวัตต์ 312 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 5.9 วินาที รองรับการชาร์จไฟ DC ที่ 150 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 30 ถึง 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ชาร์จเต็มวิ่งไกล 550 กิโลเมตร น้ำหนักรถ 2,055 กิโลกรัม

BYD SEAL AWD PERFORMANCE แบตเตอรี่ 82.0 kWh มอเตอร์คู่ กำลัง 390 กิโลวัตต์ หรือ 530 แรงม้า แรงบิด 670 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 82.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำความเร็ว จาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ชาร์จเร็ว DC สูงสุด 150 กิโลวัตต์ เติมไฟ 30-80% ใช้เวลาเท่าเดิมที่ 30 นาที สำหรับรุ่นสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิดของมอเตอร์คู่ทะยานไปถึง 670 นิวตันเมตร ชาร์จเต็มวิ่งไกล 580 กิโลเมตร น้ำหนักรถ 2,185 กิโลกรัม

Seal เป็นรถคู่แข่งของ Tesla Model 3 ผลิตในโรงงานที่เมืองฉางโจว (มณฑลเจียงซู) ประเทศจีน BYD กับโรงงานขนาดยักษ์ สามารถผลิตรถซีดานไฟฟ้ารุ่นใหม่ได้ 15,000 คันต่อเดือน หรือ 180,000 คันต่อปี Seal ทั้งสามรุ่นที่มีการขับดีงาม น่าจะสร้างกระแสความนิยมจากการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ความสะดวกสบายในการขับเคลื่อน ทั้งในเมืองและทางไกล สำหรับการเปิดตัวและประกาศราคาในไทย จะมีขึ้นในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566 นี้.

BYD OCEAN SERIES SEAL 
ไฟหน้า LED แบบ Double-U Floating เส้นสายที่ออกแบบให้บาง และลดแรงต้านอากาศของเลนส์ LED ทำให้ไฟหน้าเพรียวบางขึ้น
ขนาดและมิติตัวรถ ยาว 4,800 มิลลิเมตร กว้าง 1,875 มิลลิเมตร สูง 1,460 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร 
ฝากระโปรงแบบโช้คอัพ
ช่องเก็บของด้านหน้าความจุ 50 ลิตร
กระจกมองข้างทรงหยดน้ำ ปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว 235/45/19 รุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว 225/50/18 รุ่น Dynamic

มือจับประตูที่เก็บซ่อนไปกับตัวรถ ช่วยจัดระเบียบอากาศ และลดแรงต้านของลม ซ่อนเก็บด้วยไฟฟ้า เปิดออกเมื่อปลดล็อกด้วยระบบ Keyless entry
ไฟท้าย LED แบบชิ้นเดียว ประกอบด้วยไฟรูปหยดน้ำเรียงเป็นชั้น 
ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า ระบบป้องกันการหนีบ ตั้งระดับความสูงได้ตามความต้องการ
หลังคากระจกพาโนรามิก 2 ชั้น เคลือบด้วย Silver-plated ลดการส่องผ่านแสงให้ไม่เกิน 4.2% แสงแดดส่องผ่านได้ไม่เกิน 16% ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. 
ภายในสีดำ
เบาะนั่งทรงสปอร์ต ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ + เบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ต (เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE) และดับรถปรับด้วยไฟฟ้า
ระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
เบาะระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในทุกรุ่น
รุ่น Premium & AWD PERFORMANCE เบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Courtesy ฝั่งคนขับมีระบบปรับดันหลังได้ 4 ทิศทาง (Lumbar support) พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง (Memory Seat)
หัวเกียร์ไฟฟ้าแบบคริสตัล
เบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง เบาะปรับพับแยกได้แบบ 40/60
e-platform 3.0 พร้อมเทคโนโยลีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Cell To Body (CTB) พื้นที่เพิ่มขึ้นมิติความสูงและขนาดตัวรถเท่าเดิม แต่พื้นที่เบาะนั่งเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทนทานต่อการบิดตัว ชุดประกอบโครงสร้างแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้สามารถปิดผนึกเข้าได้โดยตรงกับโครงสร้างรถยนต์อย่างลงตัว เพื่อให้ประสิทธิภาพการปิดผนึก และการเสริมความแข็งของตัวพื้นฐานใต้โครงสร้างรถยนต์เพิ่มขึ้น
การพัฒนาโครงสร้างเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ด้านหลัง มอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร + ด้านหน้า มอเตอร์อะซิงโครนัส
ฟังก์ชันการควบคุมด้วยเสียง ด้วยการใช้เสียงสั่งงาน ใช้หน้าจอสัมผัส และใช้ปุ่มควบคุมต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องขยับมือ
หน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 1080P (1920×1080) ขอบจอบาง 5.9 มม. รองรับ CarPlay สำหรับอุปกรณ์ iOS หรือ Android Auto10 พร้อมหน้าหลังพวงมาลัย LCD ขนาด 10.25 นิ้ว
ระบบเครื่องเสียง Premium acoustics ชุดลำโพง 12 ตัว HIFI Dynaudio Audio
ที่วางชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 2 ช่อง
ระบบกรอง PM 2.5
ใบปัดน้ำฝนระบบอัตโนมัติแบบไร้โครง หน้า/หลัง
ฟังก์ชัน VTOL Function-2.2kW
ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง
กล้องมองรอบคัน 360 องศา ความคมชัดระดับสูง

ลงทะเบียนเปิดใช้งาน BYD application สามารถควบคุมฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ จากระยะไกล ผ่าน BYD application ในโทรศัพท์มือถือได้

HUD(Head UP Display) ระบบแสดงผลบนกระจกหน้าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจากเครื่องบินทหารเพื่อให้แสดงผลการขับขี่ที่สามารถมองเห็นได้ในระดับสายตา เนื้อหาที่จะแสดงผลนั้น ยกตัวอย่างเช่น ความเร็วรถยนต์ที่จะแสดงในระดับสายตาบนกระจกบังลมหน้า ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ได้ เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE
เรดาร์แบบ Millimeter-Wave 5 ตำแหน่ง กล้องด้านหน้าสำหรับระบบ ADAS 1 ตำแหน่ง
ระบบช่วยแจ้งเตือนการคาดการณ์การชนล่วงหน้า (PCW)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSD)
ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
ระบบช่วยเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA-B)
ระบบช่วยรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA)
ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICC)
ระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HMA)
ระบบชวยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAW)

ระบบกันสะเทือน ปีกนกคู่หน้า (Double Wishbone) มัลติลิงก์ (Five-Link) ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ Frequency Selective Damping (FSD) ควบคุมปริมาณน้ำมันไฮดรอลิกที่ฉีดเข้าไปในกระบอกสูบโช้คอัพผ่านวาล์ว FSD 
ระบบควบคุมแรงบิด (iTAC)
รัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร
ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) 0.219
อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.8 วินาที (รุ่น AWD PERFORMANCE)
ระบบดิสก์เบรกแบบ 4 พอร์ต พร้อมคาร์ลิปเปอร์+ ดิสก์เบรกระบายความร้อนพร้อมรูระบายความร้อน
รองรับการชาร์จแบบ DC ที่กำลังไฟสูงสุด 150 กิโลวัตต์

รายละเอียด REVER CARE มูลค่ารวม 230,000 บาท
ดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน*
ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ.ระยะเวลา 1 ปี
บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.*
รับประกันตัวรถ (Waranty) 8 ปี หรือ 160,000 กม.*
รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.*
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปีเต็ม*
โฮมชาร์จเจอร์ยี่ห้อ ABB พร้อมการติดตั้ง*
สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือ VTOL
สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger
ค่าจดทะเบียนรถ
พรมเข้ารูป กรอบป้ายทะเบียน ฟิล์มหน้าจอ


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *