ปฏิทินวันหยุดเดือนมีนาคม 2567 เช็กวันหยุด-วันสำคัญ-วันจ่ายเงินต่างๆ
อัปเดต! ปฏิทินวันหยุด 2567 เช็กวันหยุดราชการ-วันหยุดธนาคาร
อากาศเริ่มร้อนแล้ว หลายคนเริ่มหาวิธีดับร้อน วันนี้ทีมข่าวพีพีทีวีจึงขอแนะนำวิธีคลายร้อนรูปแบบหนึ่งที่อยากให้ไปลองกันด้วย “เมนูอาหารไทยโบราณ” เพราะสามารถช่วยดับร้อนจากภายในสู่ภายนอกให้ทุกคนสดชื่นขึ้นได้
ขึ้นชื่อว่า “อาหารไทยโบราณ” แม้จะดูดั้งเดิม แต่เข้าหน้าร้อนทีไรกลับช่วยให้ร่างกายเราเย็นลงได้เสมอ ดังนั้นแล้วจะมีอาหารคาวและอาหารหวานไหนน่าลองกันบ้าง มาดูกัน!
ข้าวแช่
เชื่อกันว่า ข้าวแช่เป็นอาหารไทยที่ได้รับวัฒนธรรมมาจากชาวมอญในดินแดนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่พวกเขามักทำขึ้นโดยเรียกว่า “เปิงซัง กรานต์” หรือ “ข้าวสงกรานต์” เพื่อนำไปไหว้บรรพบุรุษ สังเวยเทวดาและถวายพระในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะเชื่อว่าหากไหว้ด้วยข้าวแช่และเครื่องเคียงที่ทำขึ้นมาจะสมปรารถนาตามที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้
จากนั้นพระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 ผู้มีเชื้อสายมอญได้ทำถวายรัชกาลที่ 4 และกลายเป็นที่โปรดปรานของพระองค์มาก ด้วยความที่รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดแปรพระราชฐานพำนักแรมที่พระ นครคีรี หรือเขาวังอยู่เสมอ จึงอาจจะมีส่วนที่ทำให้ข้าวแช่เมืองเพชรมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือก็เป็นได้ และส่งผลให้เมนูนี้แพร่หลายไปหลายจังหวัดภาคกลาง กลายเป็นเมนูโบราณคลายร้อนยอดฮิตของประเทศ
ประวัติ “ข้าวแช่” อาหารคลายร้อนยอดฮิต เมนูอร่อยคู่เทศกาลสงกรานต์
ขนมจีนซาวน้ำ
เมนูขนมจีนซาวน้ำ คือการกินขนมจีนกับเครื่องเคียงหลายสิ่ง มีทั้งกุ้งแห้ง น้ำปลาดองพริกขี้หนู กระเทียม ขิง และกระเทียม แล้วราดด้วยน้ำกะทิที่เคี่ยกับแจงลอน (ปลาหรือเนื้อโขลกสับ)
ถือเป็นเมนูดับร้อนสูตรโบราณ เพราะร่องรอบที่เก่าแก่ที่สุดที่ปรากฏให้เห็นนั้นพบในตำรา “แม่ครัวหัวป่าก์” ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงค์ กล่าวไว้ว่า เข้าซาวน้ำ ใช้เครื่องปรุงหลักคือขิงและสับปะรดสับละเอียด กระเทียมดิบซอย กุ้งแห้งป่น และของรสเปรี้ยวอื่นๆ (ถ้ามี) เสร็จแล้วนำไปคลุกกับเข้า ราดด้วยน้ำเคยดี น้ำตาลทราย มะนาว
แม้เข้าซาวน้ำในสมัยแรกเริ่มนั้นจะแตกต่างจากสมัยนี้ไปบ้าง ตรงที่ปัจจุบันเราใช้เส้นขนมจีนแทนข้าวและใส่น้ำกะทิเข้ามาเพื่อเพิ่มความอร่อย แต่ก็ถือว่าสูตรเดิมที่ใส่น้ำเคยดี น้ำตาลทราย และมะนาวนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมทางอาหารที่ทำให้ไทยเรามีเมนูจานนี้ขึ้นมา
ปลาแห้งแตงโม
ไม่มีที่มาแน่ชัดว่าถือกำเนิดมาได้อย่างไรและเมื่อไร แต่คาดว่าน่าจะเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เพราะได้ปรากฏชื่อครั้งแรกใน “บันทึกจดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรเทวี” กล่าวว่า “ปลาแห้งแตงโม” เป็นหนึ่งในสำรับอาหารว่าง เมื่อครั้งมีการจัดเตรียมงานสมโภชพระพุทธมณีรัตนมหาปฏิมากรพระแก้วมรกต และฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดารามในรัชกาลที่ 1 ในปี 2532
เมนูนี้ ส่วนประกอบไม่เยอะการเตรียมไม่ยุ่งยาก นิยมใช้ปลาช่อนนำไปย่างไฟอ่อนๆ จนเหลือง แล้วลอกหนังเลาะก้างปลาออก นำเนื้อมาโขลกให้ละเอียด จากนั้นซอยหอมแดงนำไปเจียงให้เหลืองกราบ นำปลาแห้งที่โขลดใส่ลงไปผัดเคล้ากันจนกว่าจะแห้ง พักไว้จนเย็นแล้วจึงคลุกด้วยน้ำตาลทราย
คนโบราณนิยมกินคู่กับข้าวสวย โดยนำปลาแห้งที่ปรุงเสร็จแล้วโรยบนข้าวแล้วจึงตักกิน ตามด้วยแตงโมแช่เย็นอีกคำ หรือบางคนก็ใช้แตงโมจิ้มกับปลาแห้งรับประทานเลย จะได้รสชาติหวานอร่อยกรุบ กินแล้วชื่นใจ
ส้มฉุน
ส้มฉุนถือเป็นอาหารว่างและของหวานไทยโบราณ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ “ส้มฉุนแบบชาวบ้าน” และ “ส้มฉุนแบบชาววัง” ซึ่งทั้งสองตำรับจะแตกต่างกัน
โดยของชาวบ้านจะเป็นการนำผลไม้รสเปรี้ยว (มะม่วง มะยมดิบ) ไปยำกับน้ำตาล น้ำปลา และกุ้งแห้ง ส่วนของชาววังนั้นจะใช้ผลไม้หน้าร้อนรสหวานอมเปรี้ยว (ลิ้นจี่) ลอยในน้ำเชื่อมที่ปรุงด้วยส้มซ่า มีลักษณะใกล้เคียงกับลอยแก้ว
สำหรับที่มาและจุดกำเนิดเริ่มต้นนั้นไม่แน่ชัด แต่คาดการณ์ได้ว่าอาจมีมาตั้งแต่สมัยต้นรันตโกสินทร์ เพราะปรากฏชื่อให้เห็นใน “กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
กล่าวถึง ลิ้นจี่ที่ปรุงกับน้ำลอยแก้ว มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำและผิวของผลส้มซ่า ทำให้ได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ และถือเป็นของหวานคลายร้อนชนิดหนึ่งเพราะช่วยเพิ่มเติมความสดชื่นให้เราได้
ข้าวเหนียวมะม่วง
ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นเมนูข้าวเหนียวที่แต่งรสหวานโดยใช้น้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลมะพร้าว มูนเข้ากับกะทิและเกลือ แล้วทานคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้หรือมะม่วงอกร่อง ทำให้มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวกินแล้วอร่อยชื่นใจ
ไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าข้าวเหนียวมะม่วงมีที่มาอย่างไร แต่สันนิษฐานว่าอาจมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ที่มีการเอ่ยถึงมะม่วงอกร่องในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน อย่างไรก็ตามในจารึกดังกล่าวนั้นไม่ได้บอกถึงการกินคู่กับข้าวเหนียว
แต่ที่เห็นเด่นชัดเลยคือในสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเริ่มมีการกินข้าวเหนียวมูนคู่กับมะม่วงสุกให้เห็น บ้างก็มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าข้าวเหนียวมูนเพิ่งมีมาไม่ถึงร้อยปี
อย่างไรก็ตามมะม่วงมีสรรพคุณในการบำบัดอาการเหงื่อออกและกะทิช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย เมนูนี้ไม่ว่าจะมีมาเมื่อใด แต่เมื่อร้อนเพียงทีไรก็ช่วยคลายร้อนได้เสมอ
TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด