.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}
“เศรษฐา” กราบขอโทษ “เหลิม” ผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าทำให้ระคายเคือง หลังให้ความเห็น ปมงัดข้อกับ “ทักษิณ” ไว้ไปเคลียร์ใจกันที่สภาฯฟังทุกเสียงแต่ลุยแน่ แจกเงินหมื่น ปรับทีมร่างประชามติแก้ รธน. แก้เกมหลัง ก.ก.ไม่สังฆกรรม “ปิยบุตร” กลับลำยอมถูกด่า เฉ่งค่ายส้มแย่งชามข้าว กมธ.กันเอง “ชัยธวัช” สวน คงไม่รู้ว่าทีมเจรจาต้องเจออะไรบ้าง “พิธา” ชี้คุยกัน ในวง สส.ได้ “อนุทิน” แทงกั๊กร่างนิรโทษกรรมของก้าวไกล “ชาดา” แจ้ง ป.ป.ช.สะสมปืน 23 กระบอก “บรู๊ค ดนุพร” รวยเฉียด 600 ล้าน เด็กค่ายส้มใช่ย่อย อู้ฟู่ไม่น้อย นายกฯยัน ก.ตร.ทำตามกฎหมายตั้ง ผบ.ตร. “โจ๊ก” ปัดไม่มีเอี่ยว “อนันต์ชัย” ภาคประชาชน- ตัวแทนพรรคการเมืองร่วมรำลึก 47 ปี 6 ตุลาฯ “สมยศ” ลุยขอโละ 112 จี้นิรโทษกรรม
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ยอมเอ่ยปากกล่าวขอโทษ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หลังแสดงความเห็นกรณีความขัดแย้งระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิมที่ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จนถูกฟาดงวงฟาดงาตามไปด้วย
“เศรษฐา” ปรับทีมร่างประชามติ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ต.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 2 (TCAC2) ต่อมานายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำคณะผู้บริหารเข้าพบนายกฯนำเสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย จากนั้นนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงการเปลี่ยนรายชื่อในคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาท้วงติงมาก็ต้องฟัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องบุคคล แต่เป็นเรื่อง สส.เป็นคณะกรรมการฯไม่ได้
ปรับเกมหลัง ก.ก.ไม่สังฆกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเศรษฐาได้ลงนามยกเลิกคำสั่งนายกฯ ที่ 256/2566 เรื่องคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ลงวันที่ 3 ต.ค. และลงนามคำสั่งนายกฯ ที่ 264/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการฯชุดดังกล่าวใหม่ จำนวน 34 คน มีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลบางส่วนหลังพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ สำหรับรายชื่อบุคคลใหม่ที่เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ประกอบด้วยนายวุฒิสาร ตันไชย เป็นรองประธานฯคนที่ 1 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นายเจือ ราชสีห์ และนายกฤช เอื้อวงศ์ เป็นกรรมการ สำหรับบุคคลที่ถูกปรับเปลี่ยนออกไป ได้แก่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายนพดล ปัทมะ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ นายเดชอิศม์ ขาวทอง นายธนกร วังบุญคงชนะ และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทั้งหมดเป็น สส.ในโควตาของแต่ละพรรค
กราบขอโทษ “เหลิม” ผู้ยิ่งใหญ่
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ จ.อุบลราชธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจที่ไปให้ความเห็นถึงปัญหาความขัดแย้งที่ ร.ต.อ.เฉลิมประกาศตัดขาดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า เอาเป็นว่าท่านก็ทราบว่าให้สัมภาษณ์อะไรไป กราบขอโทษแล้วกันถ้าทำให้ระคายเคือง ไม่ใช่เรื่องของตนขอไม่พูดต่อ แค่นั้นแหละต้องกราบขอโทษละกันถ้าทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อถามว่าร.ต.อ.เฉลิมถึงขั้นปรามาสว่าจะบริหารประเทศได้ไม่นาน นายเศรษฐาตอบว่า รับฟังความคิดเห็น ท่านเป็นผู้ใหญ่ เมื่อถามว่าไม่ทำให้เสียสมาธิกับการทำงานใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่หรอก เมื่อผู้ใหญ่ไม่สบายใจเราก็ไม่สบายใจ อยากให้ท่านสบายใจ เมื่อถามว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกันหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ถ้ามีโอกาสเจอกันที่สภาฯ คงพูดคุยกันเหมือนเดิม ไม่มีอะไร
ฟังทุกเสียงแต่ลุยแน่แจกเงินหมื่น
นายเศรษฐายังกล่าวถึงกรณีนายวิรไท สันติ ประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า ถือเป็นความคิดเห็นเราต้องฟังความเห็นจากทุกคน แต่เรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของเรา แต่มีเสียงจากประชาชนถามว่าเมื่อไหร่จะมาเสียที เราก็ต้องรับฟัง เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะทบทวนไม่แจกทั้งหมด นายเศรษฐาตอบสวนทันทีว่า “ไม่ครับ เป็นไปไม่ได้ครับ” เมื่อถามย้ำว่าแต่มีเสียงอดีตที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย รวมถึงผู้มีเครดิตทางเศรษฐกิจออกมาคัดค้านเรื่องนี้ นายกฯตอบว่า คนที่มี เครดิตทางเศรษฐกิจเห็นด้วยก็มีเยอะ เราให้เกียรติทุกคน
เยือนเพื่อนบ้านกระชับสัมพันธ์
นายเศรษฐากล่าวถึงการเตรียมตัวเดินทางเยือนฮ่องกง สิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซียว่า อาเซียนเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงกับเรา เดินทางไปกัมพูชามาแล้วไม่อยากให้ประเทศอื่นรู้สึกไม่ดี อย่างบรูไนมีสัมพันธภาพที่ดีกับเรามาก รวมถึงมาเลเซียและสิงคโปร์ เป็นเพื่อนบ้านที่มีมิตรภาพที่ดีมานาน ประกอบกับเป็นช่วงปลายปี มีภารกิจต้องเดินทางไปประเทศใหญ่ๆเยอะ ทั้งสหรัฐอเมริกาที่ต้องไปร่วมประชุมเอเปก การไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่พูดมาประเทศใหญ่ทั้งนั้น เราต้องระมัดระวังเรื่องการกระทบกระเทือนจิตใจประเทศเพื่อนบ้านว่าให้ความสำคัญกับประเทศใหญ่มากกว่าด้วย ฉะนั้นเราต้องเดินทางไปพบปะกับนักธุรกิจใหญ่ๆหลายคน เพื่อมาดูว่าเขาสามารถมาลงทุนได้หรือเปล่า ยืนยันเราต้องไปเปิดประตูการค้า ประตูการลงทุน ไปบอกทั่วโลกว่าวันนี้ประเทศไทยเปิดแล้ว
ยืนยัน ก.ตร.ทำตามกฎหมาย
นายเศรษฐายังกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมคณะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานีว่า ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องที่ถูกยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบเรื่องแต่งตั้ง ผบ.ตร. พูดคุยกันแต่เรื่องงานว่าเราต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน เรื่องฟ้องร้องต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อถามว่าวิตกในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่าวิตกทุกเรื่อง แต่มั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปไม่ได้ลุแก่อำนาจเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งสิ้น อยู่ในตำแหน่งนายกฯต้องแยกแยะให้ถูกว่าเวลาไหนที่ควรวิตก เวลาไหนทำอะไรได้ก็ทำ วันนี้มาเรื่องน้ำท่วมโฟกัสเต็ม 100% ถ้าถึงเวลาต้องไปให้การ ก็จะไป
“โจ๊ก” ปัดไม่มีเอี่ยว “อนันต์ชัย”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์กรณีนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนเอาผิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กรณีแต่งตั้ง ผบ.ตร.ว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้พูดคุยกับนายอนันต์ชัยแล้ว เมื่อถามว่าไม่เกี่ยวข้องกับที่นายอนันต์ชัยยื่นร้อง ป.ป.ช.ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า “ผมไม่เกี่ยวไม่เกี่ยว” ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ที่ไปยื่นด้วยนั้นก็ไม่รู้เรื่อง และไม่ต้องชี้แจงอะไรกับนายกฯ เมื่อถามว่าตอนนี้เรื่องถือว่าจบแล้ว ไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีหรือเปิดข้อมูลอะไรแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบสั้นๆว่า ก็ไม่ได้ทำอะไร
“ชัยเกษม–สงคราม” ทิ้งเก้าอี้ สส.
ช่วงเย็นวันเดียวกัน สำนักเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎรแจ้งได้เลื่อนลำดับ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย 2 คน ขึ้นมาแทน สส.ที่ได้ลาออกไป คือ น.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ เลื่อนขึ้นมาแทนนายชัยเกษม นิติสิริ และ น.ส.เพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมภ์ชัย เลื่อนขึ้นมาแทนนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนายสงคราม ยืนยันว่านายสงครามได้ลาออกจากการเป็น สส. เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผล แต่ยังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ ขณะที่นายชัยเกษมกล่าวชี้แจงสั้นๆว่า ยื่นลาออกจากการเป็น สส. เมื่อวันที่ 5 ต.ค. แต่ยังไม่ได้แจ้งต่อคณะกรรมการบริหารพรรค เพราะเห็นว่าเมื่อเป็น สส.ไม่ได้มีบทบาทอะไรมาก จึงตัดสินใจว่าจะมองหาบทบาทอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคมากกว่า กำลังมองหาอยู่ว่าพรรคจะมอบหมายบทบาทใดให้ ยืนยันไม่มีปัญหาภายในพรรค
“ปิยบุตร” ยอมถูกด่า “ส.ใส่เกือก”
ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ถึงปัญหาการจัดการภายในพรรคก้าวไกลว่า “จากแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จากตำแหน่งนายกฯ เหลือประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) 8 คณะ จาก 35 คณะ ถ้าผู้สนับสนุนพรรคไม่เอ๊ะ สส.พรรคไม่เอ๊ะ ผมว่าผิดปกติแน่ๆ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ใช่พรรค ก.ก.ในฝันแน่ๆ รู้ว่าโพสต์ไปคงมีคนด่า ปิยบุตรเสือกอะไร ไหนว่าไม่พูดแล้วไง แต่ถ้าผมไม่พูดก็ไม่มีใครกล้าพูด สส.สมาชิก ผู้สนับสนุนพรรคกลัวเกรงกันไปหมด ได้แต่บ่นๆกับผม แต่การบ่นซุบซิบนินทากันในวงข้าววงเหล้า มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา อยากให้พรรคไปได้ดีต้องกล้าพูดตรงไปตรงมา ต้องมาเสียคำพูดอีกแล้ว ปล่อยไปแบบนี้สุดท้ายไม่มีใครกล้าชี้ให้เห็นปัญหาตรงๆ รู้ สส.หลายคนในพรรครอผมโพสต์ มารอดูอยู่ มาเชียร์ให้ผมพูดแบบนี้ ปัญหาคือทำไมต้องรอผมพูดผ่านสื่อสาธารณะ ทำไมพวกคุณไม่กล้าสู้กันในพรรค”
เฉ่งค่ายส้มแย่งชามข้าวกันเอง
นายปิยบุตรทวีตอีกว่า นอกจากเรื่องปล่อยให้ ประธาน กมธ. จาก 11 เหลือ 8 แล้ว เพื่อน สส.จากพรรคอื่นยังโทร.มาเล่าให้ผมฟังอีกว่า พรรค ก.ก. เป็นอะไร ทำไมภายในพรรคไม่จัดวางตำแหน่ง สส.ของพรรคตนเองว่าใครจะเป็นรองประธานมาให้เรียบร้อย พอมาหน้างาน ในหลายคณะ สส. พรรค ก.ก.มาแย่งตำแหน่งรองประธานกันเอง จนประธานจากพรรคอื่นงง เอ๊ะ ทำไมไม่เคลียร์กันมาก่อน เพื่อน สส. พรรคอื่นโทร.มาแจ้งผมแบบนี้ ผมว่าน่าอายมาก ไปทะเลาะแย่งตำแหน่งกันเอง ต่อหน้า สส.พรรคอื่น นี่ถ้าประธานจากพรรคอื่นเขาปล่อยให้โหวต ให้ สส.พรรค ก.ก.แข่งกันเอง คงน่าสมเพชกว่านี้ เท่าที่ สส.หลายคนมาเล่าให้ผมฟังคือ คณะนำเขาตัดสินใจไปแล้วค่อยมาบอก สส. ปัญหาคือ เมื่อไรที่ สส.พรรค ก.ก.จะเติบโตเป็นคนที่กล้าหาญ กล้าสู้เพื่อพรรค เพื่อสังคมเสียที ทำไมไม่กล้าพูด กล้าท้วง กล้าถกเถียง หรือทุกคนกลัวว่างวดหน้าจะไม่ได้ลง สส.เพราะคณะนำมองว่าเป็นเด็กดื้อ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สุขภาพพรรคไม่ดีแน่ ต่อไปคณะนำจะ can do no wrong และ can do everything ส่วน สส.แต่ละคนก็ไม่คิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่กูจะได้ลง สส.ต่อไหม กูทำพื้นที่กูดีกว่า กูทำงานในตำแหน่งกูอย่างเดียวดีกว่า ส่วนเรื่องพรรคเขาว่าไงก็ว่ากัน
สวนคงไม่รู้ทีมเจรจาเจออะไร
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ตอบโต้นายปิยบุตรว่า ความเห็นที่ไม่ตรงกันมีกระบวนการที่ประชุม สส.พรรค สามารถแสดงความเห็นตรงไปตรงมาได้ทั้งหมด การแบ่งสรร กมธ.คณะกรรมการบริหารพรรคชี้แจงมาตลอด มั่นใจว่าความมีน้ำใจของพรรค ก.ก.ที่แบ่งประธาน กมธ.ให้พรรคไทยสร้างไทย จะสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานได้ ไม่กังวลปัญหาความขัดแย้งในพรรคจะบานปลาย เพราะมีกลไกปรับความเห็นต่างและรับฟังความเห็นต่างอยู่แล้ว นายปิยบุตรอาจไม่ได้รับทราบว่าทีมเจรจาต้องประสบกับปัญหาอย่างไรบ้าง จึงต้องตัดสินใจเช่นนั้น คณะกรรมการประสานงานของพรรคและทีมเจรจาของพรรค ตัดสินใจดีที่สุดแล้ว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวว่า แม้ไม่ได้เป็น กมธ. แต่พร้อมสนับสนุนการทำหน้าที่ของประธาน กมธ.ในสัดส่วนของพรรค ก.ก. ร่วมกับนายชัยธวัช และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ก.ก. เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนต่อไป ปัญหาความเห็นต่างภายในพรรคถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในการประชุม สส.สามารถพูดคุยกันได้
“อนุทิน” จัดปลอบใจ สส.สอบตก
ที่โรงแรมโมเดนา บาย เฟรเซอร์ จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานจัดสัมมนา สส. “พูดแล้วทำ” มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรค และ รมว.แรงงาน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค และ รมช.มหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค และ รมช.มหาดไทย เข้าร่วม นายอนุทินกล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้เพื่อให้สมาชิกและ สส.พรรค เข้าใจการทำงานของ ภท. ให้รู้ว่าต้องตอบสนอง ภท. ตอบสนองความต้องการประชาชนอย่างไรให้รวดเร็ว เลือกตั้งที่ผ่านมามีคนผิดหวัง เราต้องให้กำลังใจกัน ไม่ทิ้งคนดีมีความสามารถ ต้องมีโอกาสทำงานสร้างผลงาน เมื่อถามถึงความหวังของ ภท.ในอนาคต นายอนุทินตอบว่า ผลลัพธ์ของการทำงานจะเป็นตัวชี้วัดความไว้วางใจจากประชาชน ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงวันนี้พรรคเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากพรรคขนาดเล็กสู่พรรคขนาดกลาง และเป็นพรรคขนาดใหญ่ แน่นอนว่า ภท.จะเติบโตไปข้างหน้า เมื่อถามถึงกระแสที่ ภท.กำลังได้รับความสนใจจากสมาชิกของหลายพรรค การเมือง นายอนุทินตอบว่า อัตราส่วนจำนวน สส.แต่ละพรรคในสภาขณะนี้มีความเหมาะสมอยู่แล้ว
แทงกั๊กร่างนิรโทษกรรมก้าวไกล
นายอนุทินยังกล่าวถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง โดยรวมถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ว่า เราต้องดูประโยชน์ส่วนรวม ถ้านิรโทษกรรมแล้วความสงบสุขความสามัคคีเกิดขึ้นมากขึ้นก็ถือว่าดี แต่ถ้าหนักกว่าเดิม เราคงมีท่าทีต้องทำให้มั่นใจว่า สิ่งนั้นต้องเกิดความสงบในบ้านเมือง ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียด เมื่อถามถึงกรณีนายกฯลงนาม ปรับเปลี่ยนตัวบุคคลในคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญในส่วนที่เป็น สส.ออก เนื่องจากยังไม่เห็นรายละเอียด
“ชาดา” สะสมปืน 23 กระบอก
วันเดียวกันนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สส.กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 จำนวน 78 ราย อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ รมช.มหาดไทย แจ้งสถานภาพหย่า มีทรัพย์สิน 147, 727,537 บาท เป็นของนายชาดา 147,516,719 บาท เป็นทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 210,818 บาท ที่น่าสนใจนายชาดามีอาวุธปืน 23 กระบอก มูลค่า 1.3 ล้านบาท มีหนี้สิน 549,797 บาท นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรค ภท. หลานชายนายชาดา มี 38,551,464 บาท เป็นของ นายเจเศรษฐ์ 23,694,140 บาท และของนางอัสมา ไทยเศรษฐ์ คู่สมรส 14,857,323 บาท นายพิบูลย์ รัชกิจประการ สส.สตูล พรรค ภท. มี 2,545,827,428 บาท เป็นของนายพิบูลย์ 2,262,459,004 บาท และของนางทิพรัตน์ รัชกิจประการ คู่สมรส 283,368,423 บาท มีหนี้สิน 62,455,256 บาท
“บรู๊ค” รวยเฉียด 600 ล้านบาท
นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) มี 593,384,630 บาท เป็นของนาย ดนุพร 507,646,311 บาท และของนางสุวนันท์ คงยิ่ง คู่สมรส 68,381,137 บาท และของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 17,357,182 บาท น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.พรรค พท. 43,876,532 บาท นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ สส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) บุตรนายไชยา สะสมทรัพย์ “บ้านใหญ่นครปฐม” มี 338,737,391 บาท เป็นของนายพาณุวัฒน์ 81,927,276 บาท และของนางชุตินันศ์ สะสมทรัพย์ คู่สมรส 256,266,415 บาท มีหนี้สิน 47,356,187 บาท นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) 52,607,489 บาท เป็นของนายสุพล 12,031,332 บาท และของนางรัชนี จุลใส คู่สมรส 40,162,157 บาท มีหนี้สิน 18,315,210 บาท
เด็กค่ายส้มใช่ย่อยอู้ฟู่ไม่น้อย
นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ก.ก.มี 12,788,961 บาท เป็นของนาย อภิชาติ 6,460,151 บาท และของนางอัจฉรี ศิริสุนทร คู่สมรส 6,328,624 บาท มีหนี้สิน 8,043,419 บาท น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) 5,129,660 บาท มีหนี้สิน 1,961,419 บาท และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.403,694,429 บาท เป็นของนายณัฐพงษ์ 396,530,423 บาท และของ น.ส.ณัฐพร จันทร์อินทร์ คู่สมรส 7,164,006 บาท มีหนี้สิน 10,000,421 บาท
รำลึก 47 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ
อีกด้าน เมื่อเวลา 07.30 น. ที่สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ “ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” หน้าหอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ มีการจัดงานครบรอบ 47 ปี เหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษาและประชาชน เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2519 ท่ามกลางผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต ตลอดจนนักการเมืองตัวแทนองค์กรภาคส่วนต่างๆเข้าร่วมคับคั่ง อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรม กทม. พรรคประชาธิปัตย์ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันประกอบพิธีสงฆ์ วางพวงมาลาและดอกไม้รำลึกถึงผู้วายชนม์ รวมทั้งจัดปาฐกถาโดยนายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มธ.ที่สร้างความฮือฮาภายในงานคือ นักศึกษา มธ.นำป้ายข้อความ “สื่อได้ยอด นักการเมืองได้หน้า คนเดือนตุลาคมได้อะไร” ไปติดเตือนใจไว้ที่หน้าหอประชุมใหญ่ และมอบรางวัลจารุพงษ์ ทองสินธุ์เพื่อประชาธิปไตย ประจำปี 66 ของสภา นศ.มธ.ให้โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายของประชาชนหรือไอลอว์ ที่มีบทบาทสำคัญเคลื่อนไหว ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ 60 และการยกเลิกมาตรา 112
ลุยขอโละ ม.112 จี้นิรโทษกรรม
ต่อมานายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นำแนวร่วมคณะรณรงค์ยกเลิก 112 หรือ ครย.112 และ น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม พากันมาชูป้ายเรียกร้อง โดย น.ส.ธนพรเป็นผู้อ่านแถลงการณ์เรื่อง “ล้างมรดกบาป 6 ตุลา ยกเลิก ม. 112 ปล่อยนักโทษการเมือง” ความว่า การเข่นฆ่านักศึกษาและประชาชนในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 มีการใส่ร้ายผู้เสียชีวิตว่า เป็นคอมมิวนิสต์ ล้มล้างระบอบกษัตริย์ หลังจากนั้น 21 ต.ค.19 ยังแก้ไขเพิ่มบทลงโทษมาตรา 112 ให้สูงขึ้น เป็นมรดกบาปมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้มีนักโทษการเมืองถูกขังในเรือนจำ 35 คน เป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 10 คน อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี 258 คน ครย.112 เคยรวบรวมรายชื่อประชาชนกว่า 2 แสนรายชื่อ เสนอให้รัฐสภายกเลิกมาตรา 112 แต่ถูกปิดกั้น ทั้งกลายเป็นเงื่อนไขสกัดกั้นพรรค ก.ก.จนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โอกาสครบ 47 ปี 6 ตุลาฯขอเรียกร้อง 1.นักโทษการเมืองในคดีที่ยังไม่ถึงที่สุดต้องได้รับสิทธิประกันตัว 2.รัฐบาลต้องนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง และผู้ถูกดำเนินคดีจากการออกมาใช้สิทธิเสรีภาพ และ 3.ยกเลิกมาตรา 112 เพื่อประกันเสรีภาพแสดงความเห็นของประชาชน ก่อนจะปิดท้ายด้วยการอ่านแถลงการณ์ของนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรงค์ หรือ เก็ท โมกหลวง แกนนำกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ นักโทษคดีมาตรา 112 ที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ
“หยก” จำลองเหตุถูกแขวนคอ
ขณะเดียวกัน น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง นำแนวร่วมกลุ่มทะลุวัง อาทิ น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก มาร่วมกิจกรรมทำโพลสำรวจความเห็นหัวข้อ “เห็นด้วยหรือไม่ ให้ศาลยุติการดำเนินคดีทางการเมืองและ ม.112” น.ส.เนติพรกล่าวว่า เพื่อนๆกำลังต้องทยอยเข้าเรือนจำ หลังจากที่ได้รัฐบาลแบบพันธุ์ผสมมา เราไม่ได้หวังจะแก้หรือยกเลิกมาตรา 112 แล้ว แต่อยากให้เพื่อนๆออกจากเรือนจำ ผู้ที่ทำได้คือศาล สามารถยกฟ้องหรือไม่รับฟ้อง ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลขอให้ยุติดำเนินคดีกับนักโทษทางความคิดและมาตรา 112 เพราะเป็นอำนาจนายกฯที่ทำได้ ตนอาจต้องเข้าคุกอีกในวันที่ 9 ต.ค. เพราะศาลจะพิจารณาถอนการประกัน จากนั้น น.ส.เนติพรนำแนวร่วมกลุ่มทะลุวังและกลุ่มทะลุแก๊ส ร่วมกันแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ สวมชุดคล้ายนักโทษ ชูป้ายเดินขบวนจาก มธ. นำรูปผู้ถูกคุมขังในเรือนจำเพราะมาตรา 112 ไปปิดที่ป้ายศาลฎีกา แต่ที่สร้างความฮือฮาคือ น.ส.ธนลภย์ใช้เชือกดึงตัวขึ้นไปบนต้นมะขามหน้าศาลฎีกา เลียนแบบการถูกแขวนคอในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ก่อนใช้ของเหลวคล้ายเลือดราดบนตัว ให้คนใช้เก้าอี้ฟาดใส่ สร้างความหวาดเสียวให้ผู้เดินผ่านไปมาที่ไม่รู้ว่าเป็นการแสดง