
ส.ดริงก์เผยสมาคมร้าน-ผับเชียงใหม่ ทำหนังสือเสนอ 5 ข้อถึงนายกฯ ขอเปิด 24 ชั่วโมง กลุ่มผู้ค้านัดเคลื่อนไหวขอ รบ.ปลดล็อกปลายปีนี้
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม นายธนากร คุปตจิตต์ ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการผลักดันข้อเสนอของกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในการปลดล็อกเวลาห้ามจำหน่ายและขยายเวลาปิดสถานบันเทิง รองรับการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการและสมาคมต่างๆ ตื่นตัวและเดินหน้าผลักดันข้อเสนอต่างๆ ต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีหลายกระทรวงเกี่ยวข้อง
ล่าสุด สมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ (Chiang Mai Restaurant & Bistro Association) ได้ประชุมหารือและจัดทำหนังสือระบุแนวทางและประเด็นนำเสนอจากสมาคมฯถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในหนังสือระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 70% ของรายได้รวมจังหวัด (จีพีพี) ร้านอาหารและสถานบันเทิงสร้างรายได้ให้จังหวัดกว่า 80% ของจีพีพี หากต้องการเพิ่มรายได้แก่จังหวัดมากขึ้นและรวดเเร็ว การท่องเที่ยวน่าจะเป็นแนวทางที่สำคัญ
โดยในหนังสือระบุว่า ปัจจุบันร้านอาหารและสถานบันเทิงต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ มีมากกว่า 1 หมื่นร้านค้า โดยร้านอาหารและสถานบันเทิงเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้ให้จังหวัดเชียงใหม่และชุมชนอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ และข้อเสนอแนะ ดังนี้ สมาคมฯเสนอ
1.ขอให้รัฐบาลอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง ร้านอาหาร สถานบริการ โรงแรม เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้แก่จังหวัดเชียงใหม่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย ย่านที่มีนักท่องเที่ยวเป็นศูนย์กลาง และสนามบิน
2.จัดโซนนิ่งสถานประกอบการร้านอาหารและสถานบันเทิง ให้สามารถเปิดได้ 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไขตามพื้นที่ต่างๆ เช่น ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ สามารถเปิด 24 ชั่วโมง และที่ตั้งของสถานประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิงนั้นๆ ต้องไม่กระทบต่อชุมชน สังคม หรือมีผลกระทบน้อยที่สุด
3.ให้ภาครัฐลดการจัดเก็บภาษี เช่น ภาษีป้าย ภาษีที่ดิน ภาษีสรรพสามิต (ภาษีที่เก็บจากสถานบันเทิง) เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมผู้ประกอบการให้ได้ดำเนินธุรกิจอย่างมีมาดฐานมากขึ้น
4.เนื่องด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ ควรจะมีการอนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาได้ เช่น วันอาสาฬหบูชา วันออกพรรษา เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวมีการเดินทางมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว และใช้จ่ายกินใช้จำนวนมาก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว
5.มาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ แก่ผู้ประกอบการ จากการจ้างงาน เนื่องจากต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น รามทั้งค่าแรงขั้นต่ำที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนและชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
“ภายในเดือนตุลาคมนี้จะเห็นการออกมาเคลื่อนไหวเชิงการประชุม เช่น กลุ่มผู้ประกอบการถนนข้าวสาร พัทยา ภัตตาคารและเอสเอ็มอี จากนั้นก็รวบรวมเพื่อเข้าพบรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถี่มากขึ้น หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมีความเห็นต่อเพิ่มเวลาการทำธุรกิจกลางคืน ที่จะมีผลดีทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเราย้ำอยากให้ปลดล็อกได้ทันหน้าท่องเที่ยวที่จะฟื้นมากขึ้นในปลายปีนี้ เป็นหน้าค้าขาย จากท่องเที่ยวและกำลังซื้อรับปีใหม่ ก็ไม่อยากให้เสียโอกาส ซึ่งบ้างอย่างสามารถทำได้ทันที เพราะในเดือนตุลาคมนี้ก็เริ่มที่จะมีการทบทวนกฎหมายและโครงการต่างๆ ตามที่นายกฯสั่งการให้เร่งทบทวน
หวังว่าจะเห็นความคืบหน้าในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการ ธุรกิจ ได้เตรียมตัวและทำการประชาสัมพันธ์ จะเป็นแรงส่งต่อการเพิ่มรายได้และกระตุ้นจีดีพียาวต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า รองรับพอดีกับงบดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะออกมากระตุ้นอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้กำลังซื้อเริ่มดี แต่ก็มีเหตุยิงในห้าง กลับมาสร้างความกังวลต่อการมาเที่ยวไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะชาวจีน รวมถึงคนไทยเองด้วย ดังนั้น อะไรที่เป็นแรงจูงใจใช้จ่ายได้ รัฐบาลก็น่าจะเร่งทบทวนให้ หลายเรื่องเห็นนายกรัฐมนตรีและ ครม.เห็นชอบได้เร็ว” นายธนากรกล่าว

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่