รู้จัก พรรณนภา จันทรารมย์ กับบทบาททูตไทยในประเทศอิสราเอล


.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}

ในเวลานี้บทบาทของทูตไทยในอิสราเอลมีความสำคัญอย่างมาก โดย นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ทำหน้าที่ประสานงานเพื่อช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลอย่างเร่งด่วน มารู้จักบทบาทของเธอให้มากขึ้นกัน

นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ ได้เข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อปี 2562 ซึ่งก่อนที่นางสาวพรรณนภาจะมารับตำแหน่งดังกล่าว เธอเคยดำรงตำแหน่งเป็นกงสุลใหญ่ สถานกงสุลใหญ่ไทยประจำนครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีมาก่อน

สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้แถลงข่าวผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงขั้นตอนการส่งพี่น้องแรงงานไทยกลับประเทศไทยว่า ทางสถานทูตมีการเปิดให้ลงทะเบียน รวมทั้งมีโทรศัพท์ฮอตไลน์ ที่กำลังจะเพิ่มจำนวนสายให้เพียงพอต่อความต้องการ สำหรับผู้ที่ต้องการติดต่อสถานทูต ก็สามารถทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ได้ โดยทางสถานทูตจะทำการส่งผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับก่อน

ส่วนผู้ที่ไม่มีเอกสารเดินทางติดตัวมา ทางสถานทูตมีการเตรียมออกเอกสารเพื่อพี่น้องชาวไทยทุกท่านที่สนามบิน และยืนยันจะดูแลให้ดีและราบรื่นที่สุด ซึ่งการดูแลนี้ครอบคลุมทั้งแรงงานลงทะเบียนถูกกฎหมายและผิดกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน โดยขณะนี้กำลังหาสายการบินพาณิชย์เพิ่มเติม เพื่อให้คนไทยกลับโดยเร็วที่สุด และวันนี้คิดว่าจะมีคนไทยขอลงทะเบียนกลับประเทศเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ บนหน้าเพจทางการของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้โพสต์คำแนะนำวิธีหลบภัย เมื่อมีเหตุจรวดโจมตีจากทางเหนือของอิสราเอล เพื่อให้คนไทยในอิสราเอลได้นำไปปฏิบัติไว้ ดังนี้

  1. ดาวน์โหลดแอปฯ Pikud Haoref ของกองทัพในโทรศัพท์มือถือ เปิดโลเคชัน เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ
  2. เตรียมหาที่หลบภัยใกล้บ้าน ทดลองจับเวลาจากบ้านไปยังที่หลบภัย
  3. เมื่อเสียงไซเรนดังขึ้น ให้รีบไปยังที่หลบภัยทันที และรอจนเสียงไซเรนหยุดลง จึงออกจากที่หลบภัย
  4. หากเสียงไซเรนดังขณะที่อยู่นอกบ้าน ให้รีบไปยังบ้านใกล้เคียงเพื่อขอเข้าที่หลบภัย หรือหลบใกล้กำแพง หรือนอนราบบนพื้น โดยใช้มือป้องกันศีรษะ
  5. หากอยู่ในอาคาร ให้ทำตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่
  6. หากอยู่ในรถ ให้หยุดรถและออกจากรถทันที เพื่อไปยังที่หลบภัยที่ใกล้ที่สุด หรือหมอบราบบนพื้นหญ้าข้างทาง (อย่าหมอบราบบนถนน)
  7. หากเสียงไซเรนดังขณะอยู่บ้าน ให้เข้าห้องหลบภัยโดยด่วน หรือหากไม่มีให้ไปขอใช้ห้องหลบภัยของเพื่อนบ้าน หรือหลบหลังบันได หากอยู่ชั้นสูงในอาคารที่พัก ให้ลงมาชั้นที่ต่ำกว่า
  8. ในห้องหลบภัยควรเตรียมน้ำ ยา ที่ชาร์จโทรศัพท์ ฟูก และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ให้พร้อม และเมื่อเสียงไซเรนดังขึ้น ให้รีบเข้าห้องหลบภัย โดยนำโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย ปิดหน้าต่างเหล็กห้องนิรภัย และล็อกประตูให้เรียบร้อย

โดยสถานทูตฯ ได้จัดทำแบบสอบถามความประสงค์การขอขึ้นเครื่องบินอพยพเพื่อเดินทางกลับไทยของแรงงานไทยในอิสราเอล พร้อมทั้งแจ้งว่า การอพยพเดินทางกลับประเทศไทย อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ที่เคยได้รับ และความเป็นไปได้ของการเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอล สำหรับผู้ที่ประสงค์ขอขึ้นเครื่องบินอพยพเพื่อเดินทางกลับไทย สามารถตอบแบบสอบถามที่ทางสถานทูตฯ จัดเตรียมไว้ให้

และเนื่องด้วยสถานการณ์สงครามในอิสราเอล สถานเอกอัครราชทูตฯ จะปิดการให้บริการกงสุล (หนังสือเดินทาง, ทะเบียนราษฎร, บัตรประชาชน และการตรวจลงตรา) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป จนกระทั่งสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่มุ่งช่วยเหลือคนไทย จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้

ข้อมูลอ้างอิง : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

ภาพ : กระทรวงการต่างประเทศ


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *