MG ES รถอีวีที่คุ้มค่า น่าใช้


คอลัมน์ : เทสต์คาร์
ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง

เพิ่งมีโอกาสได้นำรถยนต์ไฟฟ้าจากค่าย MG มาทดสอบกัน สำหรับเจ้า MG ES รถสไตล์สเตชั่นแวกอน

ที่ในบ้านเราถือว่ามีรุ่นนี้ที่ยืนหนึ่ง เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบ (เหลือรถสไตล์นี้น้อยลงไปทุกที)

สำหรับเส้นทางทดสอบครั้งนี้เลือกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง จ.ลพบุรี เส้นทางที่ใช้ไป-กลับวิ่งวนไป รวม ๆ ระยะทางแล้วกว่า 400 กิโลเมตร

เตรียมตัวก่อนออกเดินทางพอสมควร มีไฟฟ้าในแบตเตอรี่อยู่ที่ 95%

MG ES

เพราะระยะทางที่ทาง MG เคลมไว้ต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง รถ MG ES จะวิ่งได้ 412 กิโลเมตรเท่านั้น

Advertisement
@media (min-width: 1139.98px) { #ud-dfp-ad-pos-pc_inarticle1 { min-width: 336px;
min-height: 280px; } }@media (max-width: 768px) { #ud-dfp-ad-pos-pc_inarticle1 { min-width: 336px;
min-height: 280px; } }

เพื่อความสบายใจ ก่อนเดินทางวางแผนหาพิกัดจุดชาร์จไฟฟ้าไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การเดินทางในวันนี้ไหลลื่นไม่เสียเวลามากนัก

ออกเดินทางในช่วงเช้าตรู่ มุ่งหน้าใช้เส้นทางสายเอเชีย

เลือกโหมดอีโคในการทดสอบครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการวิ่งออกต่างจังหวัด จะได้เซฟพลังงาน ส่วนน้ำหนักการหน่วงของพวงมาลัย เซตค่าไว้ที่ระดับต่ำสุดคือ ระดับ 1 เพื่อให้สะดวก

ด้วยกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าของ MG ES คันนี้ถือว่า ตอบสนองได้ดี โดยเฉพาะอัตราเร่งดีมาก

Advertisement
@media (min-width: 1139.98px) { #ud-dfp-ad-pos-pc_inarticle2 { min-width: 336px;
min-height: 280px; } }@media (max-width: 768px) { #ud-dfp-ad-pos-pc_inarticle2 { min-width: 300px;
min-height: 250px; } }

MG ES

แบตเตอรี่ความจุ 51 กิโลวัตต์ ที่มีการปรับปรุงใหม่

กดปุ๊บ มอเตอร์ตอบสนองได้ทันที ความแรงที่ 177 แรงม้า 280 นิวตัน-เมตร ถือเป็นรถที่มีความคล่องตัว ขับไปได้สบาย ๆ เรื่อย ๆ

ส่วนช่วงล่าง MG ES นั้น ให้ความรู้สึกไปทางสปอร์ตไม่ถึงกับนุ่มนวลสไตล์รถบ้าน แต่มีความหนึบ ตึง ๆ บ้างในจังหวะทางขรุขระ

แต่ในส่วนของห้องโดยสารด้านหลัง พื้นที่กว้างขวางสไตล์สเตชั่นแวกอน แต่ผู้โดยสารจะสัมผัสกับแรงเหวี่ยงแรงโยน รวมทั้งแรงหน่วงของรถได้เร็ว

จากการสังเกตจากผู้โดยสารในครั้งนี้ แต่ก็ถือว่าเบากว่าในหลาย ๆ รุ่น

MG ES

ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องโดยสารนั้นมีมาให้ครบ เสียดายยังไม่มีไวร์เลสชาร์จเจอร์มาให้ เเต่ก็สามารถเชื่อมต่อด้วยสายชาร์จถูไถไปได้

เมื่อขับมาได้ 155 กม. คำนวณจากระยะทางที่ต้องใช้งานในวันนี้ตัดสินใจแวะชาร์จไฟฟ้าในระดับแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 34% เพื่อไปต่อ เพราะคำนวณจากระยะทางที่เหลือวิ่งได้อีก 123 กิโลเมตร…ไม่น่าจะพอ

ใช้เวลาไปราว ๆ 20 นาที กับการชาร์จไฟฟ้าที่ตู้บริการของ EA ANYWHERE แล้วไปต่อ ซึ่งต้องชมว่าเป็นผู้ให้บริการที่มีความเสถียรและใช้งานได้ดีที่สุดเจ้าหนึ่ง

ระหว่างขับวน ๆ กันอยู่ในเมืองลพบุรี เหลือบเห็นโชว์รูม MG สาขาเมืองลพบุรี มองในรถมีบัตรชาร์จแบตเตอรี่ที่ทางทีมงาน MG ให้ติดรถไว้ ถือโอกาสเข้าไปใช้บริการซะหน่อย

มีปัญหาเล็กน้อยเพราะเขาติดตั้งตู้ MG SUPER CHARGE ใต้ชายคาก็จริง แต่ตัวตู้แสงแดดส่องหน้าจอ มองจอสั่งการไม่ชัด เรียกว่าต้องกางร่มเพื่อบังแสงสะท้อน

ปัญหานี้ลูกค้า MG คงเจอบ่อย ถึงกับมีป้ายติด ขัดข้อง โทร.คอลเซ็นเตอร์ได้เลยจ้า ในที่สุดไม่ประสบความสำเร็จ

MG ES

ตัดสินใจย้ายไปอีกโชว์รูม เป็นสาขาสิงห์บุรี ปรากฏว่าหนังคนละม้วน ใช้งานง่ายรอบเดียวผ่านฉลุย

ใช้เวลาราว ๆ 40 นาที ได้แบตเตอรี่มาเต็ม 100% ที่หน้าจอบอกระยะวิ่งได้อีก 366 กิโลเมตร

ถือว่าเพียงพอ และทำให้เบาใจขึ้น ว่าเราขับมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯถึงแน่นอน

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องชมคือ MG ใส่ใจมาก เปิดพื้นที่ห้องรับรองลูกค้าให้สามารถเข้าไปใช้บริการระหว่างรอชาร์จไฟฟ้าได้

ถึงตรงนี้ต้องบอกว่าการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้านั้น ระยะทางที่ค่ายรถเคลมมาให้ กับระยะทางในการใช้งานจริงนั้น อาจต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้บ้าง

สรุปหลังได้ทดลองขับ MG ES คันนี้ จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจเลยทีเดียว ค่าตัวไม่ถึงล้านบาท

ราคาเริ่มต้น 959,000 บาท กับการใช้งานรถ EV ที่สมรรถนะเหลือ ๆ คันนี้

ตอบโจทย์ได้ทั้งความเป็นสเตชั่นแวกอนเหมาะกับครอบครัวใหญ่

หรือจะใช้งานแบบหนุ่มหรือสาวออฟฟิศ

น่าจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเลยทีเดียว

MG ESMG ES MG ES


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *