‘รมว.ดีอีเอส’ เผยพัฒนาระบบเตือนภัยแห่งชาติเสร็จภายใน 6 เดือน ใช้งบกองทุน กสทช. ไม่เกิน 500 ล้าน


เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ในการพิจารณาญัตติกระทู้ถามสดด้วยวาจา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ตั้งคำถาม รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส.) ถึงระบบแจ้งเตือนภัยในสถานการณ์วิกฤติต่างๆ ว่า จะใช้เวลาและงบประมาณในการดำเนินการเท่าใด เนื่องจากภัยพิบัติที่ผ่านมา ในประเทศไทยแบ่งออกได้เป็นหลายระดับ เช่น เหตุสึนามิ หรือเหตุการณ์กราดยิง ถือเป็นภัยความมั่นคงร้ายแรงที่ควรแจ้งเตือนให้ประชาชนทุกคนทราบตรงกัน อีกประเภทคือภัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องแจ้งเตือนให้ประชาชนตื่นตระหนกเกินสมควร

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องมีระบบศูนย์กลางที่เหมาะสม คือเหมาะกับเวลาเกิดเหตุ แจ้งเตือนได้ปัจจุบันทันด่วน และเหมาะกับระดับสถานการณ์ แจ้งเตือนอย่างเฉพาะเจาะจงตามพื้นที่ และเหมาะสมในรูปแบบ ทั้งระบบสั่นในโทรศัพท์มือถือ หรือตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา ที่แจ้งเตือนทางโทรทัศน์เมื่อมีพายุ ที่เรียกว่า IPAWS ซึ่งรองรับทุกช่องทางการสื่อสาร

ด้านนายประเสริฐ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า รัฐบาลชุดที่แล้ว ได้มีคณะกรรมการระดับชาติบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กพช.) โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน มีตนเป็นกรรมการร่วมอยู่ด้วย เรื่องของระบบ Cell Broadcast ในรัฐบาลที่ผ่านมา ยังไม่ทันเริ่มลงมือทำ ซึ่งหลังเหตุความรุนแรงที่สยามพารากอน ยิ่งเห็นความจำเป็นต้องสานต่อนโยบายให้มีระบบเตือนภัยที่มั่นคง ในระบบ Location Service ผ่านข้อความ SMS ได้มีการทดสอบระบบมาแล้ว ด้วยการสนับสนุนจากเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์ใหญ่และได้ผลดี ส่วนเรื่อง Cell Broadcast ได้พูดคุยกับ กสทช. คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการไม่น้อยกว่า 6 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี และครอบคลุมทุกช่องทางการสื่อสาร ทั้งโทรศัพท์มือถือ หรือโทรทัศน์ วิทยุ

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า สำหรับระยะยาว รัฐบาลมีความตั้งใจจะพัฒนาระบบ Cell Broadcast เป็นระบบ Push Notification ที่สามารถส่งข้อความ 1 พันตัวอักษรไปยังโทรศัพท์มือถือ ที่แม้จะปิดเครื่องอยู่ก็จะได้รับการแจ้งเตือน โดยเป็นระบบที่ใช้ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือไต้หวัน ทั้งนี้ หากพัฒนาระบบจนสมบูรณ์แล้ว จะสามารถรองรับได้ทุกช่องทางการสื่อสาร และจะทุ่มเททำงานให้ภารกิจนี้แล้วเสร็จ ภายในรัฐบาลชุดนี้ได้อย่างแน่นอน ส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ได้หารือกับ กสทช. เบื้องต้นแล้วว่า จะใช้งบประมาณจากกองทุน กสทช. และโครงข่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 หน่วยงานหลัก ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ขณะนี้ยังไม่ได้ประมาณวงเงินงบประมาณที่ชัดเจน แต่คาดว่าจะใช้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และไม่เกิน 500 ล้านบาท.


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *