นักธุรกิจสาวร้องทนายดัง โดนเพื่อนหลอกดาวน์รถปล่อยเช่า ก่อนเชิดหาย 6 คัน
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.ฑิภรัตน์ สินปิ่นเงิน อายุ 35 ปี อาชีพนักธุรกิจ หอบเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือติดตามคดีหลังถูกเพื่อนสนิทสมัยเรียนหนังสือชั้นมัธยมด้วยกันหลอกให้ดาวน์รถ เพื่อนำไปปล่อยเช่าให้กับบริษัทชาวจีน และจะได้ผลกำไรตอบแทนสูง ตนเองเชื่อใจและไว้ใจเนื่องจากเพื่อนคนนี้เรียนหนังสือมาตั้งแต่สมัย ม.1 ด้วยกันที่โรงเรียนวัดประดู่ในทรงธรรม เพื่อนสนิทคนนี้เป็นชาว จ.ขอนแก่น เคยมากินนอนที่บ้านตนเองประจำจนตนและสามีไว้วางใจไม่คิดว่าจะมาหลอกลวงตนเองแบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด จนตนต้องเป็นหนี้ไฟแนนซ์ ผ่อนรถอีก 4 คัน กว่า 4 ล้านบาท จากจำนวนทั้งหมด 6 คันที่ให้เพื่อนคนนี้ไปปล่อยเช่าต่อ
น.ส.ฑิภรัตน์เปิดเผยว่า หลังเรียนจบมัธยมแยกย้ายกันไปนานหลายปีจนกระทั่งได้มาเจอกันอีก เพื่อนสนิทคนนี้อ้างตัวบอกว่าทำงานอยู่ที่บริษัท cpp มีชาวจีนเป็นเจ้าของบริษัทซึ่งรับประมูลวางท่อน้ำมันให้ กับ ปตท. ทางบริษัทต้องการรถยนต์จำนวนหลายคันในรูปแบบของการเช่าโดยจะได้ผลตอบแทนดี หากเป็นรถปิกอัพ 4 ประตูจะได้ค่าเช่าเดือนละ 45,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าเป็นรถแบบแค็บจะอยู่ที่ 37,000 บาทต่อเดือน ตนเห็นว่า น.ส.สุวนิตา ทิวชัยภูมิ อายุ 35 ปี เคยเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน มากินนอนที่บ้านประจำจึงไว้เนื้อเชื่อใจ เมื่อปรึกษากับสามีก็เห็นด้วย
กระทั่งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อนสนิทคนนี้คือได้มาชวนตนออกรถคันแรก เป็นรถปิกอัพแค็บ 4 ประตูยี่ห้อ Toyota โดยได้รับผลตอบแทนตามที่เพื่อนพูดไว้จริงๆ จากนั้นเป็นต้นมาก็ได้ออกรถคันที่ 2 คันที่ 3 คันที่ 4 คันที่ 5 ครั้งที่ 6 รวมเป็นทั้งหมด 6 คัน โดยให้เพื่อนสนิทนำไปปล่อยเช่า แต่แล้วจู่ๆ มาเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเพื่อนรักคนนี้ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเหมือนที่ผ่านมา เมื่อทวงถามก็กลับบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด สุดท้ายก็สารภาพกับตนว่ารถไม่ได้นำไปปล่อยให้เช่า แต่นำไปขายต่อเป็นเงินดาวน์ให้กับแก๊งจำนำรถ และอ้างว่าเป็นรถที่หลุดจำนำ ทำให้ตนต้องรับภาระผ่อนรถที่เหลือ 4 คัน เป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ส่วนรถยนต์อีก 2 คัน ตนซื้อมาเป็นเงินสด ได้มาทราบความจริงอีกว่าเพื่อนไม่ได้ทำงานที่บริษัทดังกล่าว แต่มีน้องสาวทำงานอยู่ที่นั่นจริง เมื่อทราบว่าถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดหลอกลวงตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงได้นำเรื่องเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างพื้นที่ต่างโรงพัก 6 โรงพัก แต่ผลคดียังไม่คืบ จึงอยากขอให้ทนายรณณรงค์ช่วยเหลือในด้านคดีของตนด้วย
ทนายรณณรงค์กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้เสียหายเบื้องต้นทราบว่า เป็นลักษณะเหมือนหลอกให้อุ้มดาวน์รถ แล้วนำรถไปขายตลาดมืด เหมือนรถหลุดจำนำ หรือไม่ก็อาจจะนำรถทั้งหมดข้ามฝั่งชายแดนไปขายประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ตนจะพาผู้เสียหายไปร้องตำรวจไซเบอร์เพื่อให้ช่วยติดตามคดี เพราะมันเข้าข่ายทั้งยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง ที่น่าแปลกใจรถผู้เสียหายหลายคันถูกนำมาส่งมอบกันใกล้ๆ กับกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์อีกต่างหาก น่าจะทำกันเป็นทีม มีสมาชิกในขบวนการอีกหลายคนแน่
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่