หนูไม่กลัวแมว  แมวจับหนูไม่ได้


ไม่รู้เครดิตใคร แต่แชร์กันมาตามโลกออนไลน์

เห็นว่าน่าสนใจ ขออนุญาต เจ้าของบทความนำเอามาเผยแพร่ตีแผ่เรื่องราวสะท้อนความจริงของชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในปัจจุบัน

ว่าด้วยเรื่อง กฎหมายไม่เอื้ออำนวยกับการปฏิบัติของตำรวจ

ผลที่เกิดขึ้น  ก็คือ คุณจะเห็นตำรวจวิ่งหนีคนร้ายมากขึ้น แล้วคุณก็จะว่า “ตำรวจปอดแหก” 

ที่เป็นเช่นนี้  เพราะตำรวจยิงแล้วติดคุก

ตำรวจจึงพากันไม่กล้าใช้ปืนยิง เลือกวิ่งหนี  โดนด่า เสียศักดิ์ศรี แต่ได้กลับไปอยู่กับลูกเมีย 

ดีกว่ายิงแล้ว  ถูกไล่ออกจากราชการ

ติดคุก  เมียทิ้งไปหา “ผัวใหม่”  บำนาญก็ไม่ได้

ตกงานไม่มีอาชีพทำอีก

ผลที่เกิดขึ้นอีกข้อ  คือ  คนร้ายพากันไม่กลัวตำรวจ  ท้าทายตำรวจ  กล้าจู่โจมตำรวจ  จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ

เพราะโจรมันรู้ว่า  ตำรวจแม้มีปืน

“มึงก็ไม่กล้ายิงกู  เพราะมึงกลัวติดคุก”

กลัวถูกไล่ออก  คนร้ายพากันเหิมเกริม

ความฉิบหายตกอยู่กับสังคมและประชาชนที่เป็นคนดี

เหมือน หนูไม่กลัวแมว  แมวจับหนูไม่ได้ เพราะแมวถูกถอดฟันเขี้ยวและตัดเล็บออก แมวจับหนูได้ยากขึ้น หนูเหิมเกริมขึ้น

หนูรู้ว่า  ไอ้แมวมึงไม่มีปัญญาที่จะทำอะไรกูได้

คุณอย่าสะใจที่ “ตำรวจพ่ายแพ้” ถ้าตำรวจถูกกฎหมายทำให้ “อ่อนแอ”  

ความซวยและความฉิบหายก็จะตกอยู่กับสังคมนั่นเอง  ประชาชนที่เป็นคนดีก็จะเดือดร้อน 

และไม่ต้องมโนโลกสวยไปถึง “ปืนไฟฟ้า”

ที่นี่ประเทศไทย  ไม่ใช่อเมริกา

ตำรวจสายตรวจบางที่ยังต้องลงขันช่วยกันออกเงินตัวเองเติมน้ำมันออกตรวจ

อย่าคิดว่า ทำไมตำรวจไม่ใช่ปืนไฟฟ้า

ชีวิตจริงตำรวจไทยทำงานภายใต้ “ความขาดแคลน”    

เสียใจกับตำรวจที่บาดเจ็บด้วยครับ

มีปืนไม่กล้ายิง  เพราะมีตัวอย่างตำรวจหลายรายที่ควักปืนยิงแล้วต้องถูกไล่ออกจากราชการ และติดคุก

บำนาญก็ไม่ได้  รายได้ก็ไม่มี

เมียก็ทิ้งหา “ผัวใหม่” 

สุดท้ายตำรวจเอาปืนไว้ “ยิงหัวตัวเอง” อนิจจา


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *