เปิดประวัติหนุ่มใจเด็ดสู้กับกลุ่มฮามาสมือเปล่า ที่แท้เคยเป็นอดีตทหารรักษาพระองค์


วันที่ 14 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 2 บ้านสระคุ ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายวิทวัส กุลวงศ์ หรือแจ๊ค อายุ 34 ปี ที่ไปใช้แรงงานที่ประเทศอิสราเอล แล้วถูกกลุ่มฮามาส ใช้มีดปาดคอและแทงตามลำตัว ศีรษะ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และนายวิทวัส ได้ตัดสินใจต่อสู้กับกลุ่มฮามาสด้วยมือเปล่า จนรอดชีวิตได้นั้น

เมื่อไปถึงที่บ้านพบ น.ส.วาสนา หรือ อ้อน พิมพ์สุวรรณ อายุ 27 ปี ภรรยา และ ด.ญ.กัลยรัตน์ กุลวงศ์ อายุ 5 ขวบ ลูกสาวที่หน้าบ้าน และได้พูดคุยอยู่กับนายมานพ สุดตา ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.บ้านผือ และคณะ ที่เข้ามาดูแลสอบถามทุกข์สุขอยู่

ต่อมา น.ส.วาสนา เปิดเผยว่า ได้สอบถามไปยัง นายวิทวัส ว่าเหตุการณ์ในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งสามีก็บอกว่า ขณะนี้ยังมีการสู้รบกันอยู่ แต่มันอยู่ไกลกัน แต่ขณะนี้ก็ยังหวาดระแวงอยู่ เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) ขณะที่เพื่อนทำข้าวของหล่น ตนก็ตกใจเพราะว่า จิตใจนั้นยังหลอนอยู่ จิตใจยังไม่ปกติ ส่วนเรื่องของบาดแผลนั้น ก็บอกว่าทางโรงพยาบาลเขารักษาดีมาก แต่ตอนนี้ก็ยังมีอาการปวดหัวอยู่บ้าง ถ้าเวลาคิดอะไรมาก ๆ เพราะว่าตอนถูกแทงนั้น มีดได้หักคากะโหลกศีรษะ

ส่วนจะได้กลับบ้านในตอนไหนก็ยังไม่ทราบ เพราะว่าตอนนี้ได้ออกมาพักฟื้นที่ที่เขาจัดให้อยู่กับคนไทย ที่อพยพมาอยู่ด้วยกันที่ศูนย์ลี้ภัย วันนี้นายจ้างก็จะเข้ามาเยี่ยม ตนก็ได้บอกให้สามีได้ให้นายจ้างไปประสานกับทางสถานทูตไทยให้ก่อนว่า อยากให้ได้กลับไทย เพราะในขณะนี้ทางสถานทูตไทย ยังไม่ได้ติดต่อกับสามีตนเลย  มีเพียงเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอิสราเอลเท่านั้น ที่เข้าไปสอบถามถึงอาการเจ็บป่วยของสามี และทางสามีก็ได้ขอยืมเงินจากเขาไปซื้อเสื้อผ้าใส่ก่อน เพราะไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลย ทั้งเสื้อผ้าและพาสปอร์ต เพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็เป็นที่เขาบริจาคให้ ขณะอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะสิ่งของทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ที่พักหมด 

น.ส.วาสนา กล่าวว่า ขณะนี้ที่สามีตนพักอยู่นั้น เขาจัดให้อยู่กับคนไทยที่ทำงานด้วยกัน 3 คน กับคนไทยที่อพยพหนีสงครามตามแคมป์ต่างๆ มาพักอยู่ด้วยกันรวม 11 คน รวมทั้งสามีตนด้วย ตอนแรกตนคิดว่าสามีตนออกจากโรงพยาบาลแล้ว บาดเจ็บเริ่มดีขึ้น ไม่เจ็บมากนัก แต่เมื่อเห็นสามีทางวิดีโอคอลแล้ว เห็นอาการของสามียังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ก็อยากขอร้องให้ทางรัฐบาลไทย ได้ช่วยให้สามีตนได้กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ที่มันไม่ค่อยปกตินักในขณะนี้

น.ส.วาสนา กล่าวในตอนท้าย ก็ต้องขอของคุณทางนายจ้าง ที่เอาใจใส่ดูแลสามีของตนอย่างดีมากๆ และในส่วนทางบ้านในขณะนี้ ก็ต้องขอขอบคุณท่านปลัดอำเภอบ้านผือ ที่ห่วงใยมาสอบถามถึงความเป็นอยู่ของทั้งสามีตนและทางบ้านที่นี่ด้วย และท่านรับปากว่าจะเร่งประสานต่อไปให้ สามีตนจะได้รีบกลับมา

ก่อนหน้านี้ น.ส.วาสนา ได้เปิดเผยถึงชีวิตความเป็นมาของนายวิทวัส ผู้เป็นสามีว่า เดิมสามีเป็นคน อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ติดเกณฑ์ทหารที่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี แล้วได้ไปสังกัดอยู่ หน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ รุ่นปี 2554 ผลัดที่ 1 หลังการฝึกภาคสนาม แล้วปลดประจำการ ในปี 2556 แล้วได้ไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.ชลบุรี และได้รู้จักกับตน ที่เป็นคน อ.บ้านผือ จ.อุดรฯ ไปทำงานเป็นแคชเชียร์อยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี จนครองรักกันได้ 12 ปี จึงได้พากันมาแต่งงานที่บ้านของตนที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี แล้วพากันไปอยู่ที่ จ.ชลบุรี แต่งงานกันมาได้ 8 ปีแล้ว มีลูกสาว 1 คน และแต่งได้ 4 ปี สามีตนก็ได้สมัครไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ตอนนี้ก็ทำงานมาได้ 4 ปีเศษแล้ว ยังเหลืออีก 1 ปี ก็จะหมดสัญญา และด้วยสามีตนเคยผ่านการฝึกวิชาทางทหารมาก่อน จึงได้ต่อสู้กับกลุ่มฮามาสจนเอาชีวิตรอดมาได้

หลังให้สัมภาษณ์ น.ส.วาสนา ก็เห็นว่านายวิทวัส ได้วิดีโอคอลเข้ามา น.ส.วาสนา จึงได้ให้ นายมานพ สุดตา ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอบ้านผือ ได้พูดคุยสอบถามความเป็นอยู่กับสามี ซึ่งนายวิทวัส ได้ตอบว่า ขณะนี้เหตุการณ์ดีขึ้น มันเงียบดีแล้ว หลังจากมีการยิงมา 2-3 ครั้ง

ส่วนการติดต่อกับทางรัฐบาลไทยนั้น ในขณะนี้ก็มีล่ามเข้ามาแล้ว ส่วนทางสถานทูตไทยยังไม่ได้ติดต่อเข้าไป สำหรับพิกัดที่พวกตนพักอยู่นั้น ทราบว่าเป็นศูนย์ลี้ภัย ลักคิต อยู่ทางภาคกลางของอิสราเอล จากนั้นนายมานพ ก็กล่าวไปว่า เดี๋ยวตนจะแจ้งไปทางจังหวัดให้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ให้เร่งให้ทราบว่าขณะนี้พวกเราที่อยู่ในศูนย์ลี้ภัยอยากกลับบ้านแล้ว เพื่อที่ทางกระทรวงจะได้เร่งให้ความช่วยเหลือ

นายวิทวัส ได้พูดคุยผู้สื่อข่าวว่า ถึงเหตุการณ์ในขณะนี้เริ่มเงียบบ้างแล้ว ได้ยินเสียงการยิงตอบโต้กันเพียง 2-3 ครั้ง ส่วนเรื่องของสุขภาพนั้นก็ดีขึ้นมาก ยังคงเจ็บที่หัว และในศูนย์ลี้ภัยที่ตนอยู่ตอนนี้ มีคนไทยมาอาศัยอยู่รวมกับตนด้วยเป็น 11 คน ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับวันไหน ตอนนี้ร่างกายก็ดีขึ้นแล้ว ก็ไม่อยากให้ลูกเมียเป็นห่วง

ส่วนนายมานพ กล่าวว่า ด้วยทางนายอำเภอ ได้เป็นห่วงในเรื่องนี้ ว่าทางครอบครัวของนายวิทวัส ต้องการให้ทางอำเภอให้ความช่วยเหลือในเรื่องอะไรบ้าง เพื่อที่จะหาแนวทางในการช่วยเหลือ ในส่วนหนึ่งเราก็จะได้ข้อมูลว่า ในขณะนี้ทางภาครัฐได้เข้าไปช่วยแล้วหรือยัง เมื่อได้ข้อมูลแล้ว ทางจังหวัดก็จะได้ประสานต่อไปยังรัฐบาลต่อไป อีกอย่างที่ได้ออกมาพบปะในวันนี้ ก็เป็นการมาให้กำลังใจกันด้วย ตนเองเมื่อทราบเรื่องก็เป็นห่วง จึงได้รีบมาในวันนี้

นายมานพ กล่าวต่อไปว่า ส่วนอีกเคสคือ เคสของนายศักดิ์สิทธิ์ จำปาสิม ที่อยู่ทางบ้านโคกกลาง ต.ข้าวสาร อ.บ้านผือ นั้น ตนก็ได้รายงานไปทางจังหวัดแล้ว และทางจังหวัดก็ได้ประสานไปทางแรงงานเพื่อตรวจสอบ ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกข้อมูลว่าเป็นคนบ้านเราจริงหรือเปล่า เพราะจากการบอกเล่าของเพื่อนคนที่ไปทำงานด้วยกันว่ามีศพ 5 ศพ ถูกเผาไหม้เสียชีวิต ตอนนี้ก็ไม่ยืนยันว่าเป็นคนของบ้านผือ ก็รอทางกระทรวงการต่างประเทศ และทางจังหวัดยืนยันมา และภรรยาเขายืนยันมา จึงจะถือว่าเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานมาเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ทางกรมแรงงานได้ประสานไปแล้ว จะส่งชื่อเข้าสถานทูต เดินเรื่องขอให้กลับมาประเทศไทยแล้ว


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *