‘ผิน เกรียงไกรสกุล’ ผู้กำกับฯ มากความสามารถ ผลงานซีรี่ส์ ‘ฟางเล่นไฟ’ ละครสะท้อนชีวิตมนุษย์


วันอาทิตย์ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

เริ่มต้นออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับซีรี่ส์ดราม่าสะท้อนสังคม “ฟางเล่นไฟ Risk Lust Love” ผลิตโดย “โมโนออริจินอล”ดูได้ไม่มีเซ็นเซอร์ที่ MONOMAX (โมโนแมกซ์)โดยฝีมือการกำกับของ “ผิน เกรียงไกรสกุล” นำแสดงโดย “มุก-พิชานา อยู่สุข” (เปรี้ยว), “นีน-ชัชชญา สำเริงราชย์” (รับบท อ้อน), “ไม้-วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ” (รับบท ปรีดี) พร้อมนักแสดงมากฝีมืออีกมากมาย งานนี้ใครที่ได้เห็นทีเซอร์หรือคลิปสั้นอื่นๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของซีรี่ส์เรื่องนี้บางส่วนแล้ว ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน คือ ซีรี่ส์รสแซ่บที่น่าดู เพราะเป็นเรื่องราวของผู้คนที่ลุ่มหลงอยู่ในความโลภ กิเลสตัณหา และทำตามอำเภอใจ เกินกว่าจะนึกถึงผลกระทบที่จะตามมา โดย “บันเทิงแนวหน้า” มีพูดคุยกับผู้กำกับการแสดง “ผิน เกรียงไกรสกุล”จากซีรี่ส์ “ฟางเล่นไฟ” 

จุดเริ่มต้นในการทำงานผู้กำกับการแสดง ?

“จุดเริ่มต้นงานในวงการบันเทิงของผม ผมเริ่มจากการเป็นสวิตเชอร์มาก่อนครับ ซึ่งผมเองโดยส่วนตัวก็สนใจงานการกำกับฯ อยู่แล้วตั้งแต่สมัยเรียนเลย และเรียนมาทางด้านเธียเตอร์ ละครเวทีด้วย พอได้ทำงานก็ได้ทำงานกับผู้กำกับหลายๆ คน หลากหลายมาก ผมก็ได้เก็บเล็กผสมน้อย เก็บความรู้จากการทำงานกับผู้กำกับฯ  บรมครูต่างๆ เราเองก็อยากทำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำสักทีครับ เพราะว่างานผู้กำกับฯ มันก็เป็นงานที่ยากนะ ใครจะเชื่อว่าคุณทำได้ และใครจะให้โอกาสคุณ ซึ่งมันยากมากครับสำหรับก้าวแรก แต่บังเอิญผมโชคดีมาก ที่มีคนหยิบยื่นโอกาสให้ คือ พี่เติม-ชนินทร ประเสริฐประศาสน์ เขาเป็นเพื่อนสนิทกับ พี่คิง-สมจริง ศรีสุภาพ ซึ่งผมทำงานอยู่ก่อนแล้วกับพี่คิง  เขาก็คุยกันว่า…น่าสนใจ และพี่คิงเขาก็เห็นเราทำงานได้  เขาก็เลยติดต่อให้ และผมก็ได้โอกาสในการกำกับฯ ละครเรื่องแรก เมื่อปี 2000 หรือ เมื่อ 23 ปีที่แล้ว เรื่อง ปริศนา คุณติ๊ก-เจษฎาภรณ์ และ คุณเทย่าโรเจอร์ เป็นนักแสดงนำ”

เริ่มต้นการเป็นผู้กำกับฯ ในวัย 41 ปี?

“ใช่ครับอายุตอนนั้นที่เริ่มต้นก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ผมอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่อายุ 27 ปี ทำงานสิบกว่าปีกว่าจะได้กำกับฯ ก็อย่างที่บอกโอกาสก้าวแรกกว่าจะมา มันยากจริงๆ แม้ว่าผมจะทำงานในฐานะสวิตเชอร์มาก่อน แต่ก็ได้โอกาสคลุกคลีกับคนในกองถ่าย บางจังหวะก็ได้รับหน้าที่พูดคุย บรีฟงานกับนักแสดงบ้าง แบบเราเห็นมาเยอะ ได้เข้าไปดูแล มันก็ค่อยๆ หล่อหลอม ซึมซับในงานได้อย่างไม่ยากเท่าไหร่ผมกำกับฯ ละคร-ซีรี่ส์  แนวดราม่าชีวิต, วัยรุ่น, พีเรียด ฯลฯ ทำมาหมด รวมมากกว่า 40 เรื่องได้มีคนชอบถามผมว่า ผมชอบกำกับฯ หรือถนัดแนวไหนเป็นพิเศษ ผมก็ทำมาหมดแล้วนะ อย่างโรแมนติกคอเมดี้ก็ทำ พีเรียดก็ทำ ยังมีนักข่าวเคยมาเรียกผมว่าเจ้าพ่อพีเรียด การทำงานมันขึ้นอยู่กับจังหวะด้วย ถ้าจังหวะดีมันก็ดัง คนอื่นๆเขาก็จะมองเราว่าถนัดพีเรียด เพราะมีละครเรื่อง แรมพิศวาส ที่มันดังมากๆ แต่แนวบู๊ผมก็ชอบนะ ชอบแอ๊กชั่นคอเมดี้ ซึ่งผลตอบรับหลายๆ เรื่องก็ดีมากๆ และผมก็เป็นผู้กำกับฯ อิสระมาตลอดครับ ทำงานได้ทุกแนวแล้วแต่จะจ้างเลย”

เป้าหมายหรือโจทย์ใหญ่ในการทำงานแต่ละครั้งของ ผิน เกรียงไกร?

“เป้าหมายหลักของผมเลยนะ ทำอย่างไรที่จะถ่ายทำให้สนุก อย่างน้อยให้สนุกเกือบเท่าบท มันไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ เพราะส่วนใหญ่ บทมันจะสนุกกว่า คือเวลาอ่านบทมันสนุกมากๆ เลยนะแต่ทำอย่างไรที่จะถ่ายทอดงานละคร-ซีรี่ส์ออกมาให้สนุก เหมือนกันกับที่อ่านบท ผมว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บางครั้ง ถ่ายสนุกกว่าบทก็มี(หัวเราะ) อย่างซีรี่ส์ ฟางเล่นไฟ เรื่องนี้ ผมเองก็ได้มีโอกาสอ่านบทที่มาแบบไม่ได้เยอะมากมาเป็นแบบเรื่องย่อ อ่านดูแล้ว ก็รู้สึกสนุกมองว่าเราทำได้ นึกภาพในหัวออก อย่างน้อยๆชื่อของคนเขียนบท ก็ทำให้เรามั่นใจได้ประมาณหนึ่งแล้ว เพราะผมเองก็เคยทำงานกับพี่ไก่คนเขียนบทมาก่อนครั้งหนึ่ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ที่ผมได้ร่วมงานกันกับพี่ไก่ คนเขียนบท เรื่องนี้โอเคมาก ทุกอย่างลงตัว”

‘ฟางเล่นไฟ’ เป็นซีรี่ส์เกี่ยวกับอะไร?

“ฟางเล่นไฟ มันก็ไม่ใช่ซีรี่ส์วัยรุ่นจ๋าๆ เหมือนซีรี่ส์วัยรุ่นสมัยนี้นะ แต่ซีรี่ส์เรื่องนี้มันเป็นดราม่าเลย เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆ  เป็นชีวิตที่เราสามารถเห็นได้ทุกวัน เราผ่านและก็เห็นแต่เราไม่ได้เจาะให้ลึกในชีวิตเขา แล้วมันก็ให้ข้อคิดอะไรเยอะมาก มันให้ข้อคิดความเป็นมนุษย์เยอะมาก มันเป็นคนจริงๆ เป็นสีเทา มันไม่ได้ขาวหรือดำสุดโต่งขนาดนั้น แต่มันมีความเป็นมนุษย์เยอะมากๆ แต่มันจับต้องได้ มันให้แง่คิดที่ดี แต่มันก็ไม่ได้มาบอกโต้งๆ แต่คุณดูแล้ว คุณจะได้อะไรไปคิดทบทวนเยอะเลย เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต ว่าจะดำเนินชีวิตแบบไหน คือตัวละครหลัก เปรี้ยว กับ อ้อน เด็กสาวทั้งสองคนมันถูกเลี้ยงมาคนละแบบเลย ซึ่งก็ไม่มีใครผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะเห็นว่า ชีวิตของทั้งคู่มันต่างกันเยอะมาก เพราะการเลี้ยงดู แล้วเพราะคอนเซ็ปต์ในการใช้ชีวิตนี่แหละทำให้เกิดเรื่องราวเยอะมาก ซึ่งคนเราไม่ได้ดูกันแค่เปลือกแล้วจะดีเสมอไป”  

นักแสดงนำของเรื่อง มุก-นีน-ไม้ ลงตัวมากน้อยแค่ไหน?

“ผมต้องบอกก่อนว่า… 3 คนหลัก ทั้งมุก-พิชานา, นีน-ชัชชญา และ ไม้-วฤษฎิ์ พวกเขาเป็นโจทย์ที่ผมได้รับมา ซึ่งต้องบอกว่าโชคดี ทั้งหมดลงตัวมากๆ ในบท เปรี้ยว-อ้อน และหมอปรีดี มุกเป็นเปรี้ยวเลย อยากรู้จักชีวิต สวมบทบาทได้อย่างจัดเต็มมากๆ เขาเป็นเปรี้ยวได้ดีมากๆ ซึ่งผมไม่ได้พูดอยู่คนเดียวนะ มีนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ต้องร่วมแสดงกับมุกก็บอก ยอมรับและชื่นชมในมุกมากๆ มุกเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ก็จะเกิดภาพจำ ง่ายกว่านักแสดงที่เป็นที่รู้จักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนตัวผมมองว่า นักแสดงรุ่นใหม่เขามีของ มีความสามารถที่ติดตัว เขาเรียนรู้ ได้เห็นมาก่อน ไม่เหมือนนักแสดงสมัยก่อน

“นีน” อเมซิ่งนะ มีพรสวรรค์ เขาเองค่อนข้างใหม่ เขาเล่นบทอ้อน สนุกมาก ระหว่างนีนกับมุก ดูเนียน ดูลึก รู้สึกได้ว่าที่ผ่านมา เกลียดแค้นไม่มีวัยเด็กให้เห็น สิ่งที่เขาพูด ทำให้คนเชื่อได้ว่าอันนี้สำคัญ สิ่งที่เปรี้ยวทำไปอาจจะไม่รู้ตัว ว่าทำร้ายเพื่อน คำพูดของคนสำคัญมากนะ แต่มันไปฝังในความรู้สึกของเพื่อน เหมือนกับถูกย่ำยีมา เขาเองก็รู้สึกมาตลอด มันก็เลยมีการโกรธแค้น ไม้เหมาะกับคาแร็กเตอร์ หมอปรีดีเชื่อว่า คือ หมอปรีดี ตั้งแต่เป็นเด็กน้อยในช่วงเรียน ดูไม่ขัดโอเคมากๆ เขาเล่นเยอะเลย พัฒนาการตัวละครเป็นสิบปี ช่วงเอนทรานซ์ เรียนหมอ 6 ปี จนมีลูกอายุ 4-5 ขวบ นักแสดงต้องศึกษา รวมถึงทีมงาน กับการแสดงก็มีส่วนด้วยทำให้เขาเป็น หมอปรีดีได้อย่างสมบูรณ์”

อยากให้ฝากถึงผลงานเรื่องล่าสุดหน่อย

“ซีรี่ส์เรื่องนี้มันมีความสนุกมากๆ อยู่แล้ว ถ้าดูเพื่อความสนุกก็คุ้มที่จะดู ได้เห็นนักแสดงที่ใหม่ แต่มีอนาคต ซึ่งเราดูแล้ว ก็จะเหมือนซีรี่ส์เกาหลี ที่ไม่รู้จักเขา ดูแล้วสนุก เป็นเรื่องใกล้ คุณเดินผ่านคนแบบนี้ทุกวัน คุณมีโอกาสเข้าไปเกาะติดตามชีวิตเขาได้เรียนรู้เรื่องการดำเนินชีวิตอย่างไร ให้ปลอดภัยจากหลายๆ อย่างสิ่งที่ทำทุกอย่าง มีผลหมด มีทั้งดีและไม่ดีในมุมมองของแต่ละคน ในเรื่องไม่ดี ผิดหรือถูกคนเราไม่ได้มองเหมือนกัน ซีรี่ส์เป็นบทเรียนชีวิตอย่างดีให้กับคนดู คุณดูแล้วได้อะไร ถ้าเราเจอแบบนี้จะยังไง”


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *