“Taylor Swift: The Eras Tour” คอนเสิร์ตที่เป็นดั่งจดหมายรักถึงแฟนเพลง


.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}

Taylor Swift: The Eras Tour” ทัวร์คอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ของ Taylor Swift ศิลปินหญิงชาวอเมริกันที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศเวิลด์ทัวร์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งในโซนทวีปเอเชียจัดขึ้นใน 2 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ สิงคโปร์และญี่ปุ่น นั่นหมายความว่าประเทศไทยก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของทัวร์ครั้งนี้

แน่นอนว่ายังคงมีแฟนเพลงอีกมากมายที่พลาดการกดบัตรคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ ทำให้ Taylor Swift อนุญาตให้มีการบันทึกการแสดงคอนเสิร์ต The Eras Tour นำมาจัดฉายในโรงภาพยนตร์ หรือที่เรียกกันว่าเวอร์ชัน “หนังคอนเสิร์ต” ได้เปลี่ยนโรงหนังให้กลายเป็นอะเวนิวคอนเสิร์ตขนาดย่อมๆ ของเหล่าสวิฟตี้ (ชื่อเรียกแฟนเพลงของ Taylor Swift)

ทำความรู้จัก “The Eras Tour” จากเวิลด์ทัวร์อันโด่งดังของ Taylor Swift สู่หนังคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์

The Eras Tour” คือชื่อเวิลด์ทัวร์ครั้งที่ 6 ของ Taylor Swift (เทย์เลอร์ สวิฟต์) ศิลปินหญิงชาวอเมริกัน ที่ต้องการนำผลงานเพลงฮิตจากทุกอัลบั้มของเธอ ตั้งแต่สมัยเดบิวต์มาจนถึงอัลบั้มชุดล่าสุด Midnights (2022) มารวมไว้ในคอนเสิร์ตเดียว ทำให้คอนเสิร์ตนี้มีความยาวมากกว่า 3 ชั่วโมง โดยเริ่มเดินสายทัวร์ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และคาดว่ายังเป็นการทัวร์ที่ยาวนานไปจนถึงช่วงปลายปี 2024 เลยทีเดียว

เนื่องจากกระแสความนิยมและความต้องการของแฟนๆ ในการชมคอนเสิร์ตมีจำนวนมาก แต่ The Eras Tour ไม่ได้จัดคอนเสิร์ตในทุกประเทศ รวมถึงยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับระบบผูกขาดของการจำหน่ายบัตร ทำให้มีการนำเทปบันทึกการแสดงสดที่ SoFi Stadium นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา นำมาทำเป็นหนังภาพยนตร์คอนเสิร์ตของในชื่อเดียวกัน Taylor Swift: The Eras Tour Movie กำกับโดย Sam Wrench เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก

Photo credit : IG @taylorswift
Photo credit : IG @taylorswift

“The Eras Tour” หนังคอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงสุด เกือบ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หนังคอนเสิร์ตเรื่อง Taylor Swift: The Eras Tour มีกำหนดเข้าฉายวันแรกเมื่อ 13 ตุลาคม 2023 โดยเลข “13” ถือเป็นลักกี้นัมเบอร์ของศิลปินหญิงคนนี้ บันทึกการแสดงสดที่ถูกนำมาสร้างเป็นเวอร์ชันภาพยนตร์เป็นโชว์ที่สนาม SoFi Stadium ในนครลอสแอนเจลิส

ก่อนการฉายจริงได้มีการเปิดพรีเซล (จองตั๋วล่วงหน้า) ซึ่งทำรายได้จากการจำหน่ายบัตรราว 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหลังจากหนังเข้าฉายจริงภายใน 3 วันแรก (13–15 ตุลาคม 2023) ก็สามารถทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นหนังคอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลในเวลานี้ แซงหน้าหนังคอนเสิร์ต Justin Bieber: Never Say Never ที่ออกฉายในปี 2011 ซึ่งทำสถิติไว้ที่ 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ คาดว่าในระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่หนังเข้าฉายจะกวาดรายได้จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เรียกได้ว่าเป็นหนังคอนเสิร์ตที่สร้างรายได้ในระดับเดียวกับหนังฟอร์มยักษ์อย่าง The Joker (2019) โดยปรากฏการณ์ของ Taylor Swift: The Eras Tour ได้สร้างความน่าสนใจให้กับกระแสความนิยม “หนังคอนเสิร์ต” ในอนาคต เพราะในเดือนธันวาคมนี้ ก็จะมีหนังคอนเสิร์ตเรื่องใหม่ของศิลปินดีว่าชื่อดัง Beyoncé (บียอนเซ่) เข้าฉายด้วย

ภาพยนตร์คอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประเทศไทยแล้ว
ภาพยนตร์คอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประเทศไทยแล้ว

รีวิว “Taylor Swift: The Eras Tour” หนังคอนเสิร์ตที่เป็นดั่งจดหมายรักถึงแฟนเพลง

เทเลอร์ สวิฟต์” ศิลปินหญิงชาวอเมริกันวัย 33 ปี ถูกรู้จักในฐานะนักร้อง นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์มากความสามารถ แต่กว่าที่เธอจะเดินทางมายืนอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการ แฟนๆ จะรู้กันดีว่าเธอต้องพิสูจน์ตัวเองและฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย บทเพลงในอัลบั้มต่างๆ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันกับอัลบั้มชุดล่าสุด Midnights (2022) จึงเปรียบเสมือนไดอารี่ส่วนตัวที่ทำหน้าที่บันทึกเรื่องราวชีวิตและการเติบโตของหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ เป็นธรรมดาที่จะมีทั้งช่วงเวลาที่สดใส มีความสุข ตกหลุมรัก อกหัก ผิดหวัง และเสียใจ แต่ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของบทเรียนชีวิตที่เธอจะก้าวผ่านไปในแต่ละช่วงวัย

อัลบั้มของเทเลอร์ สวิฟต์ จึงถูกเรียกเป็นยุคต่างๆ เช่น ยุค (Era) เช่น Speak Now, ยุค Red, ยุค 1989, ยุค Reputation, ยุค Lover, ยุค Folklore ซึ่งบทเพลงจากยุคทั้งหมดนี้ถูกนำมาร้อยเรียงเป็น set list ในคอนเสิร์ตโดยไม่เรียงลำดับไทม์ไลน์ ซึ่งเธอได้บอกกับแฟนๆ ในคอนเสิร์ตว่า การจัด The Eras Tour ถือเป็นอีกหนึ่งการทดลองที่อยากจะทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนบ้าง และมันก็บ้าคลั่งมากๆ ที่จะต้องทำการแสดงนานมากกว่า 3 ชั่วโมง แน่นอนว่านี่คือการท้าทายขีดจำกัดและความสามารถของตัวเองอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในเวิลด์ทัวร์ที่ผ่านมา

Photo credit : IG @taylorswift
Photo credit : IG @taylorswift

ภาพยนตร์เปิดซีนด้วยภาพเทเลอร์ปรากฏตัวบนเวทีท่ามกลางแฟนๆ หลายหมื่นคนบน SoFi Stadium ที่ต่างส่งเสียงเชียร์อย่างกึกก้อง เริ่มด้วยยุค Lover ที่เล่นเพลง ‘Miss Americana & The Heartbreak Prince’ ก่อนจะตามมาด้วย ‘Cruel Summer’ ที่ทุกคนร่วมกันร้องท่อนบริดจ์เสียงกระหึ่ม ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าการจัดเวิลด์ทัวร์ในครั้งนี้จะทำให้ Cruel Summer ที่ปล่อยออกมาในปี 2019 กลับมาติดชาร์ตเพลงทั้งฝั่งอังกฤษและสหรัฐอเมริกาอีกครั้งในปี 2023

หลังจากนั้นแฟนๆ จะได้ตื่นตาตื่นใจกับโชว์ที่เต็มไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์ เริ่มจาก ‘The Man’ ที่ศิลปินและทีมแดนเซอร์สวมสูทผู้ชาย โชว์ดำเนินไปเรื่อยๆ ผ่านบทเพลงของแต่ละยุค การเปลี่ยนเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของเทย์เลอร์ยังคงทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นตลอดทั้งคอนเสิร์ต เพราะทุกชุดออกแบบมาได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะชุดบอดี้สูทสีแดง-ดำ ประดับคริสตัล พร้อมสวมรองเท้าบูต เคลื่อนไหวไปมาอย่างกระฉับกระเฉง ในขณะที่ทีมแดนเซอร์ก็มีอุปกรณ์ประกอบฉากที่อลังการ ไม่ว่าจะเป็นปีกขนาดยักษ์ หรือก้อนเมฆขนาดมหึมา รวมไปถึงฉากอื่นๆ ที่ถูกเซตขึ้นมาให้เข้าธีมเพลงแต่ละยุค

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโดรนถ่ายภาพมุมสูงให้เห็นบรรยากาศโดยรอบ การจับภาพและมุมกล้องต่างๆ ทำให้ผู้ชมรู้สึกราวกับอยู่ในคอนเสิร์ตจริงๆ ส่วนเทย์เลอร์ก็ทำหน้าที่สร้างความรู้สึกร่วมให้ผู้ชมสนุกสนานไปกับบทเพลงของเธอ การเคลื่อนไหวและการก้าวเดินเต็มไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม มีผู้ชมจำนวนมากในโรงภาพยนตร์ลุกขึ้นมาเต้นและร้องเพลงราวกับกำลังอยู่ใน The Eras Tour เปลี่ยนโรงภาพยนตร์ให้กลายเป็นอะเวนิวเล็กๆ เมื่อถึงคิวของเพลงฮิตในอัลบั้มยุคแรกๆ อย่าง ‘You Belong With Me’ ที่เทย์เลอร์บอกว่านี่คือบทเพลงที่จะพาทุกคนกลับไปช่วงมัธยมปลายอีกครั้งเพื่อคิดถึงความทรงจำที่เคยตกหลุมรักใครสักคนสมัยวัยรุ่น

Photo credit : IG @taylorswift
Photo credit : IG @taylorswift

อีกหนึ่งช่วงเวลาที่น่าจดจำมากๆ คือการเล่นเพลง ‘All Too Well’ แบบเวอร์ชันเต็มความยาว 10 นาที หรือจะเป็นยุค Reputation ที่เต็มไปด้วยเพลงสนุกๆ รวมไปถึงยุค 1989 ที่ขนเพลงฮิตมาร้องและเต้นแบบไม่มีเหนื่อย รวมไปถึงการเล่นเพลง ‘Lover’ บัลลาดซึ้งๆ ที่เธอถ่ายทอดว่านี่คือความฝันของเธอตั้งแต่วัยรุ่นมาจนถึงการเป็นผู้ใหญ่ จึงกลายเป็นที่มาของเพลงนี้ ซึ่งก็นั่นคือความฝันของหญิงสาวที่อยากมีใครสักคนเคียงข้างกันทั้งในช่วงเวลาที่ทั้งทุกข์และสุขในชีวิต 

เซอร์ไพรส์ที่ถือว่าต้องจับตามองมากที่สุดคือหลังจากเล่นเพลง ‘You’re On Your Own, Kid’ จบลง ทั้งเวทีถูกเปลี่ยนเป็นแสงเอฟเฟกต์สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ เทย์เลอร์กระโดดลงไปก่อนจะเปลี่ยนไปสู่ฉากยุค Midnights ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดล่าสุดของเธอ ถือเป็นไฮไลต์สำคัญที่แฟนๆ ทุกคนไม่ควรพลาดชม แต่ก็น่าเสียดายที่หนังคอนเสิร์ตเรื่องนี้มีซีนที่ตัดออกไปเกือบ 40 นาที พร้อมทั้งบทเพลงที่ถูกตัดออกไปด้วย เช่น No Body, No Crime, The Archer, Cardigan, Tis the Damn Season หรือ Seven ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเพื่อประหยัดเวลาและอาจต้องสงวนไว้ให้กับผู้เข้าชมคอนเสิร์ตจริงๆ 

ความพิเศษของ “Taylor Swift: The Eras Tour” คือการได้เห็นศิลปินหญิงคนนี้โชว์ศักยภาพแบบเต็มพิกัด ไม่ใช่แค่เสียงร้องที่ทรงพลังตลอดโชว์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเบื้องหลังนั้นเธอต้องมีการฝึกซ้อมที่เข้มข้นและมีร่างกายที่แข็งแรงมากๆ ถึงจะยืนเด่นท่ามกลางแสงสปอตไลต์ได้หลายชั่วโมงเช่นนี้ แต่ยังมีเรื่องของการแสดง (Performance) ที่รวมตัวหัวกะทิเจ้าไอเดียมาคิดโชว์สุดสร้างสรรค์นี้ขึ้นมา ซึ่งเทย์เลอร์ตระหนักดีว่าโชว์จะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีทีมเหล่านี้ เธอจึงกล่าวขอบคุณทีมงานบนเวทีบ่อยมากๆ

Photo credit : IG @taylorswift
Photo credit : IG @taylorswift

สรุปแล้วหนังคอนเสิร์ต “Taylor Swift: The Eras Tour” ที่มีความยาวตลอด 2 ชั่วโมง 49 นาที ถือเป็นคอนเสิร์ตระดับปรากฏการณ์ที่ถูกจับตามองจากแฟนเพลงสากลทั่วโลก เพราะเวิลด์ทัวร์ในครั้งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพลังงานบวกที่ศิลปินส่งกลับมายังแฟนๆ ความประทับใจที่แฟนๆ มีต่อหนังคอนเสิร์ตนี้อาจไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวศิลปิน แต่ยังรวมถึงความทรงจำส่วนบุคคลของแฟนๆ ที่เชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านบทเพลงของเทย์เลอร์ สวิฟต์

สุดท้ายนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ ที่ศิลปินชื่อดังสักคนจะจัดโชว์อัดแน่นเกือบ 3 ชั่วโมงเช่นนี้ นำเพลงฮิตจากอัลบั้มชุดแรกๆ มารวมอยู่ในเซตลิสต์ปัจจุบัน เอาใจทั้งแฟนเพลงยุคใหม่และเก่า จึงไม่เกินจริงนักหากจะบอกว่าคอนเสิร์ตนี้ก็เปรียบเป็น “จดหมายรัก” ที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ส่งถึงแฟนๆ ทั่วโลก… ไม่แปลกใจว่าทำไมใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของบัตรคอนเสิร์ตเพื่อไปชมโชว์ของศิลปินหญิงคนนี้สักครั้งในชีวิต

เรื่อง : Tatiya K.
ที่มาของภาพ : Getty Images, Instagram @taylorswift 


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *