วัยรุ่นทะเลาะวิวาท เปิดศึกไล่ยิงกันสนั่นเมือง วันนี้ (17 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านค้า หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ถนนมรุพงษ์ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา บันทึกภาพเหตุการณ์ช่วงเวลาประมาณ 01.20 น. ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์เป็นกลุ่มชายวัยรุ่นหญิงและชาย ขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ แต่จู่ๆก็มีรถยนต์กระบะสีดำ ด้านหลังกระบะบรรทุกคนมาเต็มคัน และรถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่งที่ขี่ตามรถกระบะมา
โดยรถกระบะได้ทำการปาดหน้ากลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี จากนั้นได้เปิดฉากไล่ยิงจำนวนหลายนัด ทำให้กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีต้องวิ่งหนีตาย ยอมทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้กลางถนน ซึ่งวัยรุ่นที่อยู่บนรถกระบะบางส่วนก็ลงมาทุบทำลายรถจักรยานยนต์ที่จอดล้มอยู่ จากนั้นไม่นานกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวได้ขึ้นรถขับออกไปจากจุดเกิดเหตุ
ด้าน นายธนพล อายุ 34 ปี เจ้าของร้านถ่ายเอกสารและหอพัก และเจ้าของกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้พาไปดูร่องรอยความเสียหายบริเวณหน้าร้าน ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นได้ใช้อาวุธปืนยิงแบบไม่มีเป้าหมาย ทำให้กระสุนปืนถูกท่อน้ำประปาจนแตก กระสุนไปชนเข้ากำผนังด้านหลังท่อ ตนเองเพิ่งจะให้ช่างมาทำการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ตอนแรกนึกว่ากลุ่มวัยรุ่น ทะเลาะกันเพียงไม่กี่คน แต่พอมาเปิดกล้องวงจรปิดย้อนดู ก็ต้องตกใจ เพราะมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากที่มาวิ่งไล่ทำร้ายกัน
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ตนเอง ภรรยา และลูกสาววัย 10 ขวบได้เข้านอนแล้ว ที่ตึกหลังแรก ส่วนอีกหลัง ปู่ พ่อ และแม่ของตนได้พักอาศัยอยู่ ขณะเกิดเหตุตนเองได้ยินเสียงดัง และเสียงปืนจำนวนหลายนัด แต่ก็ยังไม่ได้ออกมาดู พอสิ้นเสียงปืนและมาไล่กล้องวงจรปิดดูก็พบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับตกใจมาก เพราะครอบครัวของตนเองพักอยู่ที่ตึกนี้ นอนริมถนน โชคดีที่กระสุนปืนไม่เข้ามาในบ้านของตน ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าทั้งสองกลุ่มทะเลาะอะไรกันมา แต่ก็ไม่สมควรนำอาวุธปืนมายิงกันแบบนี้ ในที่ชุมชน ใกล้บ้านเรือนประชาชน อีกทั้งด้านหน้าก็เป็นสถานที่ราชการ ทั้งมหาวิทยาลัย และกองพันทหารช่างที่ 2 ค่ายศรีโสธร โชคดีที่เหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และกระสุนไม่โดนรถยนต์ที่จอดไว้ที่หน้าร้าน แต่ก็มาโดนท่อประปาจนแตก ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะเดินทางไปแจ้งความไว้ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี และรับผิดชอบความเสียหายที่ตนต้องจ่ายไป