การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังเข้ารับทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร เนื่องในวาระการเข้าร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation หรือ BRF) ครั้งที่ 3 วันที่ 17-19 ตุลาคม 2566
โดยเพียงวันแรก (17 ตุลาคม) ที่เดินทางถึงกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นายกรัฐมนตรีและคณะ พบกับนักธุรกิจจีน 5 บริษัท โดยนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกำหนดการและการพบปะ ประกอบด้วย
ชวน CITIC ลงทุนพลังงานสะอาด รถยนต์ EV ในไทย
เวลา 9.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง) นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พบปะหารือกับนาย Zhu Hexin, Chairman CITIC Group Corporation บริษัทฯ ใหญ่ของจีนที่ดำเนินธุรกิจ ทั้งในส่วนของการบริการทางการเงินแบบครบวงจร และใช้เทคโนโลยีระดับสูง
กลุ่ม CITIC ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Fortune Global 500 เป็นเวลา 15 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2552 และอยู่ในอันดับที่ 100 ในปี 2566
โดย CITIC สนใจลงทุนใน PPP Projects ขนาดใหญ่ของไทย มีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในไทยในหลากหลายธุรกิจ
นายกฯ ได้หยิบยกเชิญชวนให้ CITIC มาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมกลุ่ม BCG หรือ Bio-Circular-Green Economy (โดยเฉพาะเกษตร อาหาร การแพทย์ และพลังงานสะอาด) อุตสาหกรรมยานยนต์ (โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (โดยเฉพาะต้นน้ำและ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ) อุตสาหกรรมดิจิทัลและสร้างสรรค์ และการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ตลอดจนเชิญชวนให้มาตั้ง Regional Headquarter โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่
ฝ่าย CITIC สนใจขยายความร่วมมือกับไทยในอีกหลายด้าน บริษัทมีธุรกิจครอบคลุมและมีบริษัทในเครือจำนวนมาก และมีศักยภาพการแข่งขันระดับโลก รวมทั้งด้านพลังงานสะอาดที่ไทยสนใจ บริษัทต้องการขยายความร่วมมือและการลงทุนในไทย โดยเฉพาะสาขาที่ไทยสนใจ เช่น พลังงานสะอาด การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม
นายกฯ ชวนมาขยายธุรกิจด้านการเงินในไทย ซึ่ง CITIC มีธุรกิจเกี่ยวข้องการเงินอยู่ด้วยแล้ว เช่น บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ มีใบอนุญาตทางการเงินการธนาคารครบถ้วนและอยู่ในอันดับต้นๆ ในจีน จึงมีศักยภาพที่จะลงทุนในไทยได้ จะได้หารือในขั้นตอนต่อไป
พร้อมเชิญ CITIC เข้ามาลงทุนลักษณะ supply chain เช่น ล้อแม็ก ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยไทยสนับสนุนมาตรการและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนที่น่าสนใจด้วยมาตรการของ BOI
ชวน CRRC ลงทุนคมนาคมขนส่ง-BCG Economy-EV
เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง) นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พบกับนาย Yongcai Sun, Chairman and Executive Director, CRRC Group ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจีนที่ผลิตอุปกรณ์ขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสายการผลิตและบริการแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา ออกแบบ การซ่อมแซม และให้บริการทางเทคนิค ซึ่ง CRRC ได้ทุ่มเทเวลาในการสร้างเครือข่ายและขยายธุรกิจไปสู่ขอบเขตที่กว้างขวาง อาทิ การพัฒนาเมืองสีเขียว และพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
CRRC แสดงความสนใจลงทุนในประเทศไทยในส่วนที่มีศักยภาพ โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนว่ามีโอกาสอย่างมากในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงในสาขาที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ได้แก่ BCG Economy พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการลงทุนของบริษัท เพื่อประโยชน์ร่วมกัน
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบรางในไทย แบบครบวงจร สร้างมูลค่าและคุณค่าควบคู่กัน ยินดีร่วมพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมทั้งรถไฟเพื่อการขนส่งอื่นๆ -ขณะที่ CRRC ต้องการเชิญนายกฯ ไปทดลองนั่งรถไฟความเร็วสูงด้วยตนเอง
โดยนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเชิญชวน CRRC มาตั้งโรงงานในไทย ควบคู่กับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ไทย โดยไทยพร้อมด้านแรงงาน และ healthcare ที่จะดูแลนักลงทุน นอกจากนี้ ยังมีความต้องการหัวจักรรถไฟจำนวนมาก สำหรับการขนส่งทางรถไฟของไทย โดยไทยเสนอให้บริษัทฯ มองภาพระยะยาวการลงทุนในไทย ที่จะดีและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อาจพิจารณาตั้งเป็น 2nd Hub ในไทย
สำหรับโครงการ landbridge เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค เพื่อการขนส่งด้านพลังงาน และสินค้า เพื่อย่นระยะเวลา และประสิทธิภาพการขนส่ง สามารถขนส่งไปที่ต่างๆ ของโลกได้ง่ายขึ้นมาก
ชวน Ping An ขยายการลงทุนประกันภัย
เวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง) นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังพบกับ Xie Yonglin, Executive Director, President, Co-CEO บริษัท Ping An ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดของจีน บูรณาการด้านการเงินและการบริการด้านสุขภาพเข้าด้วยกัน และรวมถึงธุรกิจประกันภัย
โดยเมื่อปี 2565 Ping An อยู่ในอันดับที่ 25 ของการจัดอันดับ Fortune Global 500 (อันดับ 4 หากจัดประเภทบริษัททางการเงินทั่วโลก) อันดับที่ 4 ของ Fortune China 500 และอันดับที่ 17 ของ Forbes Global 2000
โดย Ping An ขานรับนโยบายรัฐบาลให้การส่งเสริมการลงทุนสีเขียว (Green Investment) ตั้งเป้าหมายลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ในโครงการที่มีแนวโน้มการปลดปล่อยคาร์บอนสูง (High Carbon-Emitting Assets) รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนการปล่อยกู้ (Green Credit) การออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) รวมทั้งการให้ประกัน (Green Insurance) แก่โครงการที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับปี 2566 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุนสีเขียวมากเพิ่มขึ้นอีก 20%
ทั้งนี้ Ping An มีการดำเนินธุรกิจในไทยมายาวนาน มีธุรกิจครบวงจรเกี่ยวกับการเงิน medical care สำหรับผู้สูงอายุ และการแพทย์ ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ สาธารณสุข จึงคิดว่าสามารถร่วมมือกับไทยได้ นายกฯ และรมว.คลังจึงเชิญชวนให้มาลงทุนในไทยให้มากขึ้น โดยไทยยินดีต้อนรับการลงทุนจากบริษัท ในทุกด้านที่บริษัทเชี่ยวชาญ เช่น healthcare การเงิน
ขณะที่บริษัทจะขยายการบริการประกันภัยนอกประเทศ จะพิจารณาไทยเป็นประเทศแรก สำหรับ healthcare นั้น บริษัทฯ ขายประกัน และมีลูกค้าประกันสุขภาพขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องมี healthcare รองรับซึ่งไทยมีบริการด้านนี้ และ wellness เป็นที่ยอมรับ
อีกทั้งไทยมีความร่วมมือด้าน Visa Free ซึ่งทั้งการประกัน และ healthcare จะสามารถขยายธุรกิจต่อเนื่องได้ บริษัทฯ ได้ย้ำว่า จีนนิยมไปไทยในอันดับต้นๆ ทั้งท่องเที่ยว การรักษา รวมถึงการหาที่อยู่ในระยะยาว ซึ่งการหารือกับนายกฯ ทำให้สนใจลงทุนในไทยมากขึ้น เพราะได้รับข้อมูลและเห็นโอกาสที่ชัดเจน
ชวน Xiaomi ขยายตลาด-ลงทุนไทยมากขึ้น
เวลา 13.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง) นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พบกับ นาย Alain Lam, Vice President, CFO บริษัท Xiaomi ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีนวัตกรรมขั้นสูง สร้างอุตสาหกรรมดิจิทัลที่หลากหลาย โดดเด่นในการผลิตโทรศัพท์มือถือที่ปฏิบัติการบนระบบ Android
บริษัทฯ มีเครือข่ายและธุรกิจทั่วโลก เริ่มธุรกิจในไทย ปี 2561 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีไทยเป็น Head quarter ในภูมิภาค รวมถึงการให้การสนับสนุนไทยในด้านต่างๆ เช่นในช่วงโควิด หรือการศึกษา
บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัท Xiaomi Technology (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อจำหน่าย และทำการตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย รวมทั้งขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง และตลาดอินโดนีเซียมีขนาดใหญ่ที่สุด รองลงมาคือไทย
นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่บริษัทเชื่อมั่นในประเทศไทย โดยพร้อมสนับสนุนการขยายตลาดและการลงทุนในประเทศไทย เชื่อว่าไทยมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่บริษัทจะได้ประโยชน์ในการลงทุนและขยายตลาดในพื้นที่
พร้อมกันนี้นายกฯ ชื่นชมการดำเนินการของบริษัท และขอให้ขยายการลงทุน การค้าในไทย ขอบคุณการถ่ายทอดเทคโนโลยี R&D สำหรับโครงการ landbridge จะเป็นโอกาสของบริษัท ในการร่วมกันพัฒนาในกรอบ BRI ซึ่งบริษัทฯ กำลังมองหาสถานที่ผลิต หรือโรงงานการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจในหลายๆ ด้านที่เกี่ยวข้อง แม้แต่รถยนต์ EV
โดยย้ำให้ความมั่นใจการเป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ EV ของภูมิภาค ด้วยปัจจัยสนับสนุนที่พร้อม และสภาพแวดล้อมที่ได้เปรียบ ไทยเป็นประเทศแรกที่ดำเนินมาตรการเกี่ยวกับ carbon credit ทั้ง supply and demand sides มีผู้ผลิตหลายรายที่แสดงความประสงค์ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ EV ในไทย
ชวน Alibaba ขยายการลงทุนดิจิทัล-โลจิสติกส์-Cloud Service
เวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง) นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พบนาย Fan Jiang, CEO บริษัท Alibaba International Digital commerce Group โดย Alibaba Group เป็นบริษัท e-commerce รายใหญ่ ให้บริการและพัฒนาระบบการค้าออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ ระบบ Alibaba Cloud Computing และระบบการชำระเงิน Alipay บริษัททำสถิติการขายหุ้นให้กับนักลงทุนเป็นครั้งแรก (IPO) ด้วยมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก จำนวน 25,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 800,000 ล้านบาท
บริษัทฯ เห็นว่าไทยมีศักยภาพ เป็น strategic partner บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในไทยในหลากสาขาของผลิตภัณฑ์ มีลูกค้าตลาดใหญ่ของบริษัทฯ ยินดีสนับสนุน e-training ให้กับไทย พร้อมขยายความร่วมมือการลงทุน ได้แก่ e-commerce training สำหรับบุคลากรและแรงงานไทย
โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณ Alibaba สำหรับความมั่นใจและการลงทุนใน Cloud Service หวังว่าจะได้รับการขยายการลงทุน และ Alibaba จะสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย เชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสในการลงทุนในไทยได้อีกมาก
บริษัทฯ ยินดีสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยในด้านดิจิทัล และเสนอให้ตั้ง smart digital hub ในไทย ซึ่งบริษัทฯ จะพิจารณาด้วยสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ Travel platform เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ กำลังขยายการดำเนินการ และเป็นไปด้วยดี ซึ่งกำลังร่วมมือกับ ททท. ของไทยเสนอรัฐบาลสำหรับมาตรการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยใช้ระบบ online และเสนอการใช้ใบขับขี่จีนในไทย จะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงบริษัทจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ไทย online help center สำหรับนักท่องเที่ยว
ติดตามข่าวสารอัปเดต เศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ล่าสุด ได้ที่นี่