รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ
ท่ามกลางการเติบโตแบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมรถยนต์ EV จำนวนบริษัทที่มีส่วนได้เสีย ที่ต้องการเข้าร่วมในการแข่งขันของธุรกิจนี้ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เดิมนั้น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทุ่มเทให้ความสำคัญในเรื่องเดียวเท่านั้น คือการผลิตรถยนต์ที่สามารถเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง อย่างมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย
แต่ปัจจุบันนี้ รถยนต์มีความหมายมากกว่าการเป็นวิธีการขนส่ง รถยนต์ในปัจจุบัน มีชิ้นส่วนไฮเทคที่ก้าวหน้าหลายร้อยชิ้น มากกว่าอุตสาหกรรมการผลิตหลายอย่าง ทำให้คำว่า “รถยนต์” มีความหมายไม่ชัดเจนเหมือนกับในอดีต กลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย
ทุกวันนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ EV แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ (1) ผู้ผลิตรถยนต์ EV (2) ซับพลายเออร์ เช่น CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่สุดของจีน และ (3) ผู้ให้บริการด้านการเดินทาง (mobility provider) อย่างเช่น Uber หรือในอนาคตคือ แท็กซี่หุ่นยนต์ เป็นต้น
ผู้ผลิตรถยนต์ EV จีน
หนังสือชื่อ Chinese Electric Vehicle Trailblazers (2023) เขียนไว้ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ EV แข่งขันกันสูงมาก Tesla คือผู้นำตลาดที่บริษัทคู่แข่งต้องการเอาชนะ แต่การก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นของรถยนต์ EV บวกกับการพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Tesla เป็นผู้นำตลาด ที่เอาชนะได้ยาก แต่คำถามมีอยู่ว่า ภายใต้การแข่งขันสูงมากนั้น ฐานะผู้นำของ Tesla จะอยู่ไปได้นานแค่ไหน
แม้ Tesla จะมีฐานะนำในตลาดโลกด้านรถยนต์ EV แต่ยอดขายรถยนต์ EV ทั้งหมดของจีน ในแต่ละชั่วโมง มีมากกว่ายอดขายรถยนต์ EV ของตะวันตก BYD ผู้ผลิตรถยนต์ EV ของจีน กลายเป็นบริษัทรถยนต์ ที่มียอดขายมากที่สุด และ BYD ยังเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของโลก
ในครึ่งแรกของปี 2022 BYD มียอดขายรถยนต์ EV รวมกัน คือทั้งแบบแบตเตอรี่ (battery electric vehicle- BEV) กับรถยนต์แบบไฮบริด(plug-in hybrid electric vehicle – PHEV) มากกว่ายอดขายของ Tesla และกำลังไล่ตาม Tesla มาอย่างกระชั้นชิดเรื่องยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใช้แบตเตอรี่อย่างเดียว
BYD มีเป้าหมายชัดเจน ที่ในอนาคต จะออบแบบ พัฒนา และผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ ที่ปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ อย่างเดียวเท่านั้น และกำลังค่อยๆยกเลิการผลิตรถยนต์แบบไฮบริด (PHEV) จุดแข็งของของ BYD อยู่ที่แบตเตอรี่รถยนต์ EV ทาง BYD มีหน่วยงานวิจัยพัฒนา การออกแบบ และการผลิตของตัวเอง จากจุดเริ่มต้นเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ต่อมาเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้ตวามเชี่ยวชาญดังกล่าวเป็นผลดีต่อตลาดรถยนต์ EV เพราะแบตเตอรี่ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สุดของรถยนต์ EV
นอกจากผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน เช่น SAIC Motor, Dongfeng, FAW, Changan และ BYD จะผันตัวเองเข้าสู่ตลาดรถยนต์ EV กลายเป็นคู่แข่งบริษัทรถยนต์ตะวันตกและญี่ปุ่นแล้ว การแข่งขันยังมาจากบริษัทสตาร์ทอัพ รถยนต์ EV รายอื่นของจีน เช่น NIO, XPeng และ Li Auto
บริษัทสตาร์ทอัพรถยนต์ EV ของจีน ล้วนได้รับการหนุนหลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไฮเทค ทำให้สามารถเสนอขายผลิตภัณฑ์สินค้า ที่มีมากกว่าการเดินทาง แต่บริษัทไฮเทคก็สามารถบรรลุเป้าหมายของตัวเองในเรื่องอนาคตรถยนต์ EV ที่ Big Data และ AI ทำให้การขับขี่รถยนต์ EV สนุกสนาน เหมือนเกมออนไลน์ และการเล่นโซเชียลมีเดีย
รถยนต์ EV ของ NIO จะสร้างจิตนาการร่วมกับการเดินทางของลูกค้า แอปต่างๆ เช่น NIO House, NIO App และ NIO Life จะให้การสนับสนุนแก่ลูกค้าในด้านต่างๆหลังจากที่ซื้อรถ EV ไปแล้ว ส่วนจุดขายของรถยนต์ EV XPeng คือระบบไฮเทคอัจฉริยะ เรียกว่า Xmart OS ที่เป็นระบบข้อมูลบันเทิง (infotainment) พัฒนาโดย XPeng
BYD คู่แข่งอันตรายสุดของ Tesla
บทความของ Wall Street Journal ชื่อ How China’s BYD Became Tesla’s Biggest Threat (5 October 2023) รายงานว่า จากครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ และเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ผู้ก่อตั้งยังไม่มั่นใจว่า ธุรกิจบริษัทจะอยู่รอดหรือไม่ แต่ปัจจุบัน BYD กำลังจะเป็นบริษัทที่ขายรถยนต์ EV อันดับ 1 ของโลก
BYD ที่ย่อมาจาก Build Your Dream ขายรถยนต์ EV ได้ 431,603 คัน ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ต่ำกว่าเล็กน้อยจากยอดขายของ Tesla ที่อยู่ที่ 435,059 คัน สิ้นปี 2023 นี้ BYD กำลังมุ่งสู่ความสำเร็จ ที่จะขายรถยนต์ EV ได้ 1.8 ล้านตัน นับเป็นตัวเลขเดียวกับเป้าหมายการขายของ Tesla ที่กำหนดไว้สำหรับปี 2023 เพิ่มจาก 1.3 ล้านคันในปี 2022
BYD ตั้งขึ้นมาเมื่อปี 1995 เริ่มจากเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ แต่พุ่งขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ EV ภายในเวลาไม่กี่ปี BYD ยังผลิตรถยนต์แบบไฮบริด คือรถยนต์ใช้น้ำมัน-ไฟฟ้า ในปี 2023 มีแผนที่จะขายรถยนต์ทั้งหมด 3.6 ล้านคัน ทำให้ติดอันดับ 1 ใน 10 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของโลก BYD ก้าวล้ำหน้า Volkswagen กลายเป็นรถยนต์ขายดีอันดับ 1 ในจีน และกำลังกลายเป็นยักษ์ใหญ่กผู้ส่งออกรถยนต์สู่ตลาดโลก
ความสำเร็จมาจากความมุ่งมั่น
รายงานของ Wall Street Journal กล่าวว่า พัฒนาการก้าวกระโดดของ BYD เป็นบทพิสูจน์ถึงความทะเยอทะยานของผู้ก่อตั้ง BYD 2 คน คือ Wang Chuanfu อายุ 57 ปี บิดาเป็นชาวนา และกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก ต่อมากลายเป็นวิศวกรที่ชำนาญเรื่องแบตเตอรี่ กับ Stella Li อายุ 53 ปี ที่นำความคิดของ Warren Buffett มาเสนอว่า บริษัทจีนที่คนไม่เคยรู้จักนี้ สามารถเติบโตเป็นยักษ์ใหญ่ ผู้ผลิตรถยนต์โลกได้
Wall Street Journal บอกว่า การพุ่งขึ้นมาของ BYD สะท้อนเรื่องราวของบริษัทจีนจำนวนมาก รวมทั้งก่อนหน้านี้คือบริษัทเกาหลีใต้และญี่ปุ่น BYD เริ่มต้นจากการลอกเลียนแบบ Toyota หลังจากนั้น ผลิตรถยนต์ได้มีประสิทธิภาพมาก โดยการลดต้นทุนการผลิต จนนาย Akio Toyota ประธานบริหารในเวลานั้นของ Toyota ต้องไปเยี่ยมชมการผลิต BYD เพื่อเรียนรู้ความลับ ต่อมา ทางการจีนให้การอุดหนุนด้วยการซื้อรถยนต์ BYD เป็นรถหน่วยงานทางการ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมารถยนต์ EV
หลังจากนั้นไม่นานมานี้ BYD บุกตลาดยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยรถยนต์ EV ผลิตโดยจีน ที่ราคาแข่งขันได้ในตลาด ปี 2024 BYD ตั้งเป้าจะส่งออกรถยนต์ EV 400,000 คัน ปัจจุบัน BYD เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ EV ในออสเตรเลีย สวีเดน ไทย และอิสราเอล
งานมิวนิกมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ผู้บริหารถยนต์คู่แข่งแห่กันไปดูรถยนต์ที่บูธของ BYD ในยุโรป BYD บุกตลาดด้วยรถยนต์ EV รุ่น Atto 3 โดยโฆษณาว่าเป็นรถยนต์ “ระดับพรีเมียมในราคาที่ซื้อได้” คือคันละ 40,000 ดอลลาร์ แต่ก็สร้างความกังวลต่อกลุ่ม EU ที่กำลังสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ของยุโรปเอง ทาง EU กำลังสอบสวนว่า ผู้ผลิต EV ของจีน ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่
เริ่มต้น BYD ด้วยเงิน 300,000 ดอลลาร์
Wang Chuanfu เกิดปี 1966 ที่มณฑลอานฮุย หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตลง บรรดาพี่ที่อายุมากกว่าเป็นคนเลี้ยงดู ต่อมาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยด้านวิชาเคมี และทำงานที่สถาบันวิจัยของรัฐเกี่ยวกับแบตเตอรี่ เขาตั้ง BYD ขึ้นมาในปี 1995 เมื่ออายุ 29 ปี เพื่อผลิตแบตเตอรี่ใช้ในโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ โดยอาศัยการเลียนแบบชิ้นส่วนจาก Sanyo และ Sony
หลังจากยืมเงิน 300,000 ดอลลาร์จากญาติที่มีฐานะ โรงงานของเขาที่เสิ่นเจิ้นจ้างแรงงาน 1 พันคน และแบ่งการผลิตออกมาเป็น 100 กว่าขั้นตอน เพื่อให้คนที่งานที่ไร้ฝีมือ หรือมีทักษะไม่มาก สามารถทำงานการผลิตได้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องอาศัยการซื้อเครื่องจักรราคาแพง
บทความ Wall Street Journal รายงานว่า ปี 2002 BYD เข้าตลาดหุ้นที่ฮ่องกง เขานำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อกิจการบริษัทผลิตรถยนต์ของรัฐแห่งหนึ่งที่ขาดทุน เนื่องจากทำธุรกิจแบตเตอรี่ ทำให้เห็นโอกาสการนำแบตเตอรี่มาใช้กับรถยนต์ Toyota เองก็บุกเบิกรถยนต์แบบไฮบิดชื่อ Prius ในช่วงปลายทศวรรษ 1990
รถยนต์ใช้น้ำมันคันแรกของ BYD ออกสู่ตลาดในปี 2005 ชื่อ F3 ที่มีรูปทรงคล้าย รถโตโยต้า โคโรล์ลา Wang Chuanfu ไม่เคยรู้สึกอับอายในการลอกเลียนแบบ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า BYD ได้แรงบันดาลใจจากสินค้าสำเร็จรูปของคนอื่น และชำนาญเรื่องการเจาะลึกในตัวรถยนต์ เพื่อดูว่าชิ้นส่วนไหนที่มีการจดสิทธิบัตร ก็หลีกเลี่ยง และลอกเลียนส่วนที่ไม่มีปัญหานี้ และเขาพูดว่า “เราเรียนรู้จากพวกเขา หลังจากนั้น เราก็สามารถยืนบนบ่าของพวกเขา”
ในการผลิตรถยนต์ Wang Chuanfu ใช้วิธีการเดียวกับการผลิตแบตเตอรี่ เพื่อให้ต้นทุนต่ำ หลีกเลียงการลงทุนในระบบอัตโนมัติราคาแพง จึงใช้คนงานจำนวนมาก มาทำการผลิตในส่วนขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน BYD ผลิตชิ้นส่วนแทบทั้งหมดของรถยนต์ EV ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ตัวถังรถ ไฟรถ และเซมิคอนดักค์เตอร์ BYD มีนโยบายที่จะผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญและราคาแพง ด้วยตัวเอง เช่นแบตเตอรี่ กลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้ BYD ขายรถยนต์ใช้น้ำมัน F3 ในราคาแค่ 8,000 ดอลลาร์ ครึ่งหนึ่งของราคารถโตโยต้า โคโรล์ล่า
ปี 2008 BYD เปิดตัวรถยนต์ไฮบิด ขายให้สำหรับหน่วยงานรัฐ ปีเดียวกันนี้ กองทุน Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ได้เข้ามาลงทุน 10% ในหุ้นของ BYD มูลค่า 232 ล้านดอลลาร์ เมื่อสิ้นปี 2009 ราคาหุ้น BYD เพิ่มขึ้น 5 เท่า ทำให้การลงทุนของ Warren Buffett มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
ปี 2009 BYD เริ่มผลิตรถยนต์ EV เป็นครั้งแรก รัฐบาลจีนก็เรียกร้องให้บริษัทรถยนต์จีนหันมาผลิตรถ EV โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนด้านการลดหย่อนภาษี และความสะดวกในการจดทะเบียน กลางปี 2010 BYD เปิดตัวรถยนต์ไฮบริดขายแก่ผู้บริโภค ในราคาที่ถูกลงอย่างมากเทียบกับรถยนต์ไฮบริด Prius ของโตโยต้า
ปี 2020 แบตเตอรี่ใหม่ของ BYD ชื่อ Blade ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในรถยนต์รุ่น Han ของ BYD ที่สามารถเดินทางไปได้ไกลถึง 597 กม. จากการชาร์จครั้งเดียว รถยนต์ EV Han มีราคา 30,000 ดอลลาร์ ถูกว่ารถยนต์ Tesla Model S ถึง 40,000 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระยะทางวิ่งในระดับเดียวกันต่อการชาร์จ
นับจากครึ่งหลังปี 2020 เป็นต้นมา BYD ไม่สามารถสนองผลิตรถยนต์ EV ความต้องการของตลาด โดยเฉพาะรถยนต์ EV Ham ที่ใช้แบตเตอรี่ Blade ปี 2020-2022 ยอดขายในตลาดโลกของ BYD เพิ่ม 4 เท่า BYD กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายมากอันดับ 1 ของจีน ทั้งรถยนต์ EV และไฮบริด
ผู้บริหาร BYD กล่าวกับ Wall Street Journal ว่า BYD มองว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า รถยนต์โดยสารคือหนทางการลงทุนในต่างประเทศของ BYD เพราะไม่ได้ไปท้าทายผู้ผลิตรถยนต์ส่วนบุคคลในท้องถิ่น ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่มีความอ่อนไหว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา BYD ได้เป็นผู้ผลิตที่จัดหารถโดยสารประจำทาง EV ในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น มาแล้ว
เอกสารประกอบ
Chinese Electric Vehicle Trailblazers, Jan Y. Yang and others, 2023.
How China’s BYD Became Tesla’s Biggest Threat, October 05, 2023, The Wall Street Journal