เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถชนกันร้องเรียนและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว ออกมารับผิดชอบ กรณีปล่อยให้รถยนต์ของกลางที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อต้นเดือน พ.ค. 66 หายไปถึง 2 คัน โดยกรณีอุบัติเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.39 น. วันที่ 2 พ.ค. 66 มี พ.ต.ต.สาโรช บุบผา สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสระแก้ว ได้รับแจ้งว่า ตาม ปจว.ข้อ 4 ซึ่งเป็นอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกัน โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งเพิ่มเติมในวันรุ่งขึ้นว่า ผู้ขับขี่รถกระบะ ยี่ห้อเชฟโลเลต หมายเลขทะเบียน บผ-1975 สระแก้ว คือ น.ส.ณัฐพร หมอกผา อายุ 23 ปี ที่อยู่ 12 ม.6 ต.โนนหมากเค็ง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาวันที่ 4 พ.ค. เวลา 14.07 น. พ.ต.ต. สาโรช ได้รับแจ้งว่า คู่กรณีได้ตกลงกัน โดยนายปรีชา อินทร์จันดา ตัวแทน น.ส.ณัฐพร หมอกผา ยินยอมชดใช้ค่าซ่อมรถกระบะ ทะเบียน บบ 2646 สระแก้ว เป็นเงิน 70,000 บาท ให้กับนายสังวาล พลางวัน และค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน 10,498 บาท พร้อมค่าทำขวัญเป็นเงิน 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 30,498 บาท ให้กับนางสมพร แก้วประสงค์ ส่วนความเสียหายร้านขายยางปัดน้ำฝนและอุปกรณ์เป็นเงิน 10,000 บาท ให้นายสังวาล โดยชำระเป็นเงินสดแล้ว ซึ่งนายสังวาลและนางสมพรได้รับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญาอีก และจะไม่เรียกร้องใด ๆ อีกต่อไป พนักงานสอบสวนจึงได้มอบรถกระบะ คันทะเบียน บบ-2646 สระแก้ว ให้กับนายสังวาล จึงให้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
กระทั่ง เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา นายปรีชา ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองสระแก้ว เพื่อจะนำรถไปซ่อม แต่ปรากฏว่า ไม่พบรถยนต์ของกลางที่ตำรวจอายัดไว้ จึงเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ระบุว่า ผู้เสียหาย/ร้องทุกข์ นายปรีชา อินทร์จันดา อายุ 28 ปี โดยมี พนักงานสอบสวน พ.ต.ต.สาโรช บุบผา สว.(สอบสวน)สภ.เมืองสระแก้ว เป็นเจ้าของคดี
โดยนายปรีชา ระบุว่า หลังจาก น.ส.ณัฐพร หมอกผา เป็นผู้ขับขี่เฉี่ยวชนรถกระบะยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน บบ 2246 สระแก้ว เป็นเหตุให้รถทั้ง 2 คัน ได้รับความเสียหายและมีทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้นำรถคันดังกล่าวมาเก็บไว้ที่ สภ.เมืองสระแก้ว และเมื่อวันที่ 4 ต.ค. เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้แจ้งได้มาตรวจสอบรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต ทะเบียน บผ 1975 สระแก้ว ปรากฏว่า ได้หายไป ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนเอาไป ผู้แจ้งจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย
ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (20 ต.ค.66) ผู้เสียหายได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองสระแก้ว อีกครั้งเพื่อทวงถามกรณีรถยนต์อุบัติเหตุหายไป พร้อมกับร้องเรียนกรณีนี้กับสื่อมวลชน เพื่อให้มีการติดตามรถยนต์ที่หายไปกลับคืนมา โดยนายปรีชา กล่าวว่า เดินทางมาติดตามคดีหลังมาดูรถของกลางที่ สภ.เมืองสระแก้ว หลังจากที่เคลียร์ค่าเสียหายให้คู่กรณีแล้ว ปรากฏว่า รถหายไป ที่แรกมาดูรถเมื่อ 2 เดือนก่อน ก็ไม่เจอรถ โทรหาไฟแนนซ์ก็ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่ารถไปไหน จึงมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งร้อยเวรบอกแค่ว่า จะตามให้ ไม่รู้ว่าไฟแนนซ์มาเอาไปหรือไม่ ซึ่งรถหายไปประมาณ 2 เดือนกว่า ซึ่งรถถูกนำมาจอดอยู่หน้าบ้านพักตำรวจ สำหรับเก็บรถของกลางในคดี ไม่รู้หายไปได้อย่างไร แต่ว่ามีคนบอกว่า มีรถยกมายกเอาไป ไม่รู้ว่า เค้าย้ายที่หรือไฟแนนซ์มาเอาไป ร้อยเวรก็อ้างว่าไม่รู้ จึงต้องการให้ตำรวจออกมารับผิดชอบกรณีดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นางอารียา ทรงด้วงทุม เจ้าของรถผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า มาแจ้งความเพิ่มเติมกรณีรถหายจากกรณีรถชน ซึ่งเป็นรถของกลางในคดี ตั้งแต่ 19 ก.พ. 66 หลังตำรวจไปยกรถมาเก็บไว้ ซึ่งระหว่างที่รถยังอยู่ที่โรงพัก ก็วนเวียนมาดูตลอด กระทั่งวันที่ 19 ต.ค. 66 หลังไปขึ้นศาล จึงวนกลับมาดูรถ เพราะว่า วันที่ 20 พ.ย. 66 นี้จะต้องใช้รถ จำเป็นต้องถ่ายรูปรถในการขึ้นศาล ซึ่งเมื่อมาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่า ร้อยเวรไม่อยู่ ก็เลยมาวันนี้อีกรอบ โทรหาร้อยเวรตั้งแต่เช้า ร้อยเวรบอกว่า รถอยู่สำนักงานรถยก ให้ไปดูที่นั่น จึงขับรถไปดู ทางรถยกบอกว่า ไม่มี ไม่ได้เอารถมา จึงโทรหาร้อยเวรคนเก่าที่รับแจ้ง ก็บอกแค่ว่า ถ้างั้นก็กลับมาแจ้งความรถหายที่สภ. จึงมาแจ้งความไว้ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายรายอื่นรถหายเช่นกัน ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะมา
“รถเกิดอุบัติเหตุ ตำรวจเอารถลูกหนูมา พอลูกหนูออกจาก รพ. จะไปขึ้นศาลโดยจะมาถ่ายรูปรถไปให้ศาล ไปเคลียร์คดีในชั้นศาล แต่ปรากฏว่ารถหาย เค้าบอกว่า หายไปแล้ว แล้วจะให้หนูทำยังไง หนูก็ไม่ยอม ถ้าเป็นอย่างไงก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หนูไม่ยอมเหมือนกัน” เจ้าของรถผู้เสียหาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกรณีนี้กับ พ.ต.ท.โกสละ งามผ่อง รอง ผกก.(สอบสวน )สภ.เมืองสระแก้ว ได้เล่าว่า ทางโรงพักกำลังให้ชุดสืบสวนไล่ล่าตามหาหัวขโมยรถยนต์ที่โรงพักอยู่ ระยะนี้ให้ชุดสืบไล่กล้องวงจรปิดอยู่ ไม่นานคงตามตัวคนที่เอารถไปได้ สำหรับกรณีดังกล่าว สร้างความงุนงงให้กับผู้เสียหายและคนทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากรถของกลางจอดอยู่ในสถานีตำรวจ กลับหายไปได้อย่างไร.