นักแสดงสาวรุ่นใหม่กับภาพยนตร์เรื่องแรกที่ ณิชา-ณัฎฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ มาเล่นอย่างเต็มตัว เราจะได้เห็นความมืออาชีพของเธอในเส้นทางสายภาพยนตร์ จนเป้ – นฤบดี เวชกรรม ผู้กำกับ 14อีกครั้ง I Love You Two Thousand ถึงกับเขียนเส้นใต้เอาไว้ว่า เราจะได้เห็นณิชาในแบบฉบับที่เราไม่เคยได้เห็นแน่นอน
คาแร็กเตอร์ของกิ๊บในเรื่องเป็นยังไงบ้าง
คาแร็กเตอร์กิ๊บก็จะเป็นผู้หญิงที่นิ่งไม่ได้ เป็นคนสดใสร่าเริงมาก เพราะว่าเรื่องต่างๆ ในชีวิตที่กำลังเจออยู่ในตอนนี้ เหมือนเราแบกไว้หนักมาก มีความตั้งใจทะเยอทะยานในชีวิต ที่อยากจะเป็นคนเก่งให้ได้ ท่าทางกิ๊บจะติดบอยเหมือนผู้ชายนิดนึง ผมก็จะยุ่งฟูได้ไม่ซีเรียส
ในเรื่องก็จะเห็นเป็นผู้หญิงที่ง่วงตลอดเวลา ชอบความสงบ แต่ต้องกลับมาเจอกับพวกเด็กๆ แก๊งของน้องเรา มันเลยรู้สึกว่าวุ่นวายมาก ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่นิดนึงเวลาอยู่กับน้อง ซึ่งความแตกต่างระหว่างกิ๊บ กับตัวณิชาคือ กิ๊บเขาไม่ belong ที่ไหนเลย แต่คนเดียวที่เขา belong คือต้อ เพราะณิชารู้สึกว่าตัวเองไม่ belong กับอะไรสักที่ นอกนั้นก็มีความคล้ายแต่อาจจะไม่100%
มารับบทเรื่องนี้ มีการทำการบ้านยังไงบ้าง
ก็มีเวิร์กชอปกับพี่นัท (ณัฎฐ์ กิจจริต) กับเด็กๆ ก่อนมาเข้าซีนจริง ตอนเจอครั้งแรกนึกภาพไม่ค่อยออกว่าถ้าเข้ากับพี่นัทแล้วมันจะเป็นยังไง เข้ากับเด็กๆ แล้วมันจะเป็นแบบไหน แต่ว่าพอได้ลองเวิร์กชอปด้วยกันจริง ก็รู้สึกสบายมากเลย น้องทุกคนน่ารักมาก พี่นัทก็ชิลมาก รู้ว่าทุกคนเต็มที่สนุกดีค่ะ ตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้เข้าบทกับทุกคนพร้อมกัน ในการเวิร์กชอปช่วงแรกเป็นการละลายพฤติกรรม มันก็จะมีอันนึงที่เหมือนในเล่นเกมให้แต่ละคนเล่าเรื่องออกมาให้คนอื่นทาย ว่าเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ซึ่งพี่นัททายไม่ถูกเลย มันอาจจะเป็นเรื่องที่ใครหลายคนไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้มันจะเป็นณิชาจริง
ส่วนกับเด็กก็ลองลงซีนกันเลย ไม่เล่นเกมอะไรกันมาก มันก็จะมีความวุ่นวายไปอีกแบบนึง วันแรกที่เจอกันหนูก็จะนิ่งไม่คุยกะใครเลย แต่ว่าพอสักพักก็เริ่มโอเคจะเริ่มนึกออกว่าเวลาที่กิ๊บอยู่กับน้องภาพมันจะประมาณไหน
อย่างในเรื่อง กิ๊บ กับ กัน ต้องเล่นเป็นพี่น้องที่ซี้กัน ทะเลาะกันเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยลองค้นหาดู แรกๆ ก็ยังไม่สนิทกันเท่าไหร่ พอมาเข้าฉากจริงทีนี้ก็ไหลเลยค่ะ มันเข้ากันได้ง่ายมากกว่าที่จินตนาการเอาไว้
พอได้เรียนรู้กัน ต้องเล่นเป็นพี่น้องกันจริงๆ วุ่นวายไหม เพราะน้องซนกันใช้ได้
บ้านหนูก็มีความคล้ายกิ๊บเหมือนกันนะ หนูก็จะเป็นคนนิ่งนิดนึง แต่กิ๊บคือนิ่งมากแบบเบื่อโลกมาก อาจจะเพราะสิ่งที่เขากำลังเจอด้วยมันเลยพาให้เขาเป็นคนแบบนั้น น้องๆ เขาก็จะวุ่นวายตามเนื้อเรื่องเขา แต่เวลานอกงานก็จะจับกลุ่มกันเล่นอะไรมากขึ้น เหมือนแก๊งเด็กซนทั่วไป
ตอนแรกไม่มีใครกล้าเล่นกับหนูเลย มีอะไรเขาก็จะถามพี่นัทอย่างเดียว ยกเว้นภูผา (อินทนนท์ แสงศิริไพศาล รับบทเป็น กัน) เราต้องเล่นเป็นพี่น้อง แต่เวลาเข้าฉากนะ โห…ไปเอาความวุ่นวายนี้มาจากไหนก็ไม่รู้ ด้วยวัยของเขาเหมือนชื่อหนังเลยค่ะ อายุประมาณ 14 พอดี ก็จะอารมณ์นี้มีเพื่อน มีกลุ่มก้อนพากันเล่นอะไรวุ่นวายไปหมด กองถ่ายก็มีสีสันค่ะ
เรื่องนี้ทำงานกับพี่นัท (ณัฏฐ์ กิจจริต รับบทเป็น ต้อ) เป็นครั้งแรก เป็นยังไงบ้าง
ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่แรก คือรู้สึกว่าพี่เค้าทางไหนเนี่ยเพราะไม่เคยเจอกันเลย เคยเห็นผลงานเขามาก็จะรู้ว่าเขาเป็นคนตั้งใจทำงานมาก พอร่วมงานกันจริงเขาก็มีโหมดติงต๊องกว่านั้น สนุกทุกครั้งที่ได้เข้าฉากกับพี่นัทเพราะณิชาจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลยว่าพี่นัทจะส่งอะไรมา เคยคุยกันตั้งแต่แรกว่าส่งมาเลยเดี๋ยวณิชาตั้งรับเอง ต้องตั้งสติด้วยนะไม่งั้นก็จะหลุดขำ เขาเพิ่มเสริมตลอด แล้วน้าเป้ก็ปล่อยให้เล่น จนน้าเป้บอกว่า “แล้วแต่นัท” ได้ความสดหน้างานไปเยอะเลยค่ะ ต้องอดทนกลั้นขำให้อยู่ ตรงนี้แหละที่ยากค่ะ
แล้วในเรื่องคาแร็กเตอร์เรากับพี่นัทมันต่างกันมาก ของเราจะนิ่งเครียดกับชีวิต แต่ของเขามันคือล่องลอยด๊อกแด๊กไป แล้วเวลาเขาส่งอะไรมาตัวเราห้ามหลุดขำ เรารู้ละว่าเข้ากับคนนี้ต้องตั้งสติเยอะมาก
ทำงานกับอีกสองสาวในเรื่องน้องแฟร์รี่ กับน้องโมเน่ต์ เป็นยังไงบ้าง
น่ารักดีค่ะ น้องเป็นเด็กที่สดใส แฟร์รี่ (กิรณา พิพิธยากร รับบทเป็น ผิง) กับโมเน่ต์ (ภาริตา ริเริ่มกุล รับบทเป็น ซาร่า) เขาจะมีคาแร็กเตอร์ที่ต่างกัน แฟร์รี่จะมีความนุ่มนิ่มเรียกพี่ณิชาเสียงเล็กเสียงน้อย แต่โมเน่ต์มีความแสบ เป็นน้องห้าวแสบอยู่ในหมู่เพื่อนผู้ชายได้สบาย บางทีพวกน้องคุยอะไรกันก็จะไม่ค่อยรู้เรื่องเลย เพราะวัยเขาเด็กกว่าเรามาก เหมือนคนละเจนเนอเรชัน น่าจะ 10 ปีขึ้นไปเลย บางทีก็ได้แต่นั่งฟังน้องคุยกัน เราอาจจะคุยกันคนละเรื่อง ก็นั่งฟังอัปเดตอะไรใหม่ดีกว่า สองคนนี้เป็นเด็กผู้หญิงที่คิ้วท์ น่ารักมาก
ทำงานกับพี่เป้ ( นฤบดี เวชกรรม ผู้กำกับ) เป็นยังไงบ้าง
น้าเป้ก็ใจดีมากเป็นคนชัดเจนดี เวลาน้าเป้อยากได้อะไรเขาจะบอกเหมือนเป็นคุณพ่อในกองถ่าย น้าแอนเป็นแม่ (โพรดิวเซอร์) มีอะไรก็จะถามเขาน้าเป้มีอะไรก็เล่าให้ฟัง เขาทำงานตลอดตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก็อาจจะไม่ค่อยได้นั่งคุยเล่นกันเท่าไหร่ วันแรกที่มาเข้าฉากหนูก็จะถามน้าเป้ตรงนี้พอดีไหม โอเคไหม หรือน้าเป้ว่าตรงไหนมันต้องเพิ่มต้องลดให้น้าเป้บอกหนูได้เลย น้าเป้ก็จะคอยบอกไม่มีความดุมีแต่มิตรภาพ การทำงานก็เลยสบายสนุกทุกครั้งที่เข้ากอง
มีฉากไหนที่ชอบเป็นพิเศษบ้างไหม
มีหลายฉากมาก ฉากที่ไปค่ายภาษาอังกฤษ ต้องเข้าซีนกับพี่นัท กิ๊บมีภารกิจที่ต้องรีบไปเอาจดหมายจากกระเป๋าน้องชายมาให้ได้ เลยต้องตามน้องมาค่ายด้วย แล้วต้องแอบปีนขั้นไปบนศาลาวัด ฉากนั้นตลกมาก มันเป็นจุดแรกๆ ของเรื่องที่กิ๊บกับต้อเริ่มกลับมาคอนเน็กกัน แต่กิ๊บมันมีกำแพงบางอย่างในขณะเดียวกันเราก็มีสิ่งที่ต้องการเหนือไปกว่าจะมานั่งเก๊กใส่กันแล้ว มันเลยต้องมาขอความช่วยเหลือจากต้อ เลยเป็นซีนที่ตลก แล้วต้อก็เป็นตัวละครที่ตลก ทางนี้ภารกิจก็ยังไม่สำเร็จ พวกเด็กๆ มันมากันอีกแล้ว วุ่นวายไปหมด ซีนนั้นถ่ายที่วัดถึงดึกมากตี1 ตี 2 เลย ความง่วงมันหายหมด หัวเราะกันจนท้องแข็ง กลัวก็ด้วยขำก็ด้วย สนุกมาก
อีกฉากก็เป็นฉากที่รั้วโรงเรียน ทั้งเรื่องนี้กิ๊บมันแบกมาตลอดไง มันเฝ้ารอที่จะได้ปลดล็อกอะไรบางอย่าง แล้วตัวณิชาเองก็เฝ้ารอมากที่จะทำสิ่งนี้ ซึ่งบอกไม่ได้อยากให้ไปดู ตัวละครรู้สึกมันโล่งในซีนนั้น มันเป็นจุดที่ตัวละครมันได้คิดอะไรหลายๆ อย่างมาแล้วและใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ชอบมากสะใจได้ยินพี่นัทบอกว่า ถ้าในชีวิตจริงเจอผู้หญิงแบบนี้ เผ่นหนีไปก่อนละนะ โหดเกิน (หัวเราะ)
อีกซีนนึงคือซีนที่เข้ากับแม่ (พี่ไก่ สุปราณี เจริญผล) คือเป็นซีนแรกที่เจอกันแต่ต้องเล่นดราม่ากับพี่ไก่แล้วเราไม่รู้ว่าผลที่ได้จะเป็นยังไง พี่ไก่จะใส่ความรู้สึกแบบไหนส่งมา มันเหมือนมีความจริง มันสดมากคาดเดาไม่ได้ ความรู้สึกมันเลยประทับใจ เป็นซีนอารมณ์ที่มาจากข้างใน
จริงๆ มีหลายฉากที่ชอบ เพราะว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่เล่นแบบเต็มเลย แล้วก็ได้เจอกับนักแสดงที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย กับน้าเป้ก็ยังไม่เคยเจอกันมาก่อน รู้สึกตื่นเต้นมากทุกครั้งที่จะเข้าฉาก แล้วรู้สึกสนุกประทับใจ รอคอยที่จะมากองถ่าย คือภาพรวมของกองดี คนน่ารัก อาหารอร่อย แม้กระทั่งมาอยู่จันทบุรีหลายวันก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย รู้สึกว่าอยากมากอง อยากมาเล่นกับทุกคน อยากมาเป็นตัวละครตัวนี้
หนูชอบซีนที่ต้อถีบรถให้กิ๊บมันน่ารัก มันบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้มากๆ สุดท้ายต้อก็ยังอยู่ตรงนั้น คนที่คอยอยู่ หนูรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ของมัน มีมอเตอร์ไซด์มีถีบรถให้กัน อยู่ในเมืองขลุง ชอบซีนนั้นมาก
เรื่องนี้ ถ่ายที่จันทบุรีเยอะมาก มีความประทับใจอะไรเป็นพิเศษบ้างไหม
เสียดายมาก มาแล้วไม่ได้เที่ยวเลย หนูไม่มีอะไรผูกพันกับจันทบุรีแบบพี่นัทเลย แต่ชอบอาหารทะเลมากค่ะ เพราะมานี่กินกั้งทอดกระเทียม มีอาหารอร่อย เป็นเมืองที่เรารู้สึกว่ามันมีเสน่ห์บางอย่าง อย่างตอนไปในอำเภอขลุงก็จะรู้สึกว่าเราหาบรรยากาศอย่างนี้ไม่ค่อยได้แล้วจากที่ไหน ไม่ใช่ว่าไม่มีความเจริญ แต่ผู้คนชุมชนเหมือนอยากให้มันคงไว้แบบนี้มากกว่า มันเป็นเมืองที่ถ้าอยากจะมาพัก ผ่อนคลายได้แน่แบบไม่ต้องรีบ ไม่ต้องไปเช็คอินที่ไหนตามที่นิยม ขับรถเล่นในตัวเมืองก็มีความสุขแล้ว
แต่มีที่นึงเราไปถ่ายทำแล้วจำได้เพราะว่าสวยมาก ก็คือที่รีสอร์ตเรือ วันนั้นเป็นฉากที่ทุกคนอยู่กันครบเลย ในเรื่องคือไปเที่ยวทะเลกัน น้องเขาไปเที่ยวแต่กิ๊บต้องตามมาเฝ้าน้อง แล้วก็มีเรื่องวุ่นวายที่นี่
มันเป็นจุดที่เซอร์ไพรส์มาก ไม่คิดว่าอยู่ก็ก็จะมีเรือลำใหญ่จอดอยู่ตรงนี้ แล้วให้คนใช้เป็นที่พักได้ เหมือนเราหลุดไปอยู่อีกโลกนึง มันไม่เหมือนกับที่เราไปนอนรีสอร์ตทั่วไป มันมีความเป็นเอกลักษณ์ ก็ไม่รู้นะคะว่าที่อื่นมีแบบนี้ไหม แต่หนูเพิ่งเคยเห็นที่นี่เป็นที่แรกสวยมาก วันนั้นถ่ายรูปไปเยอะในหนังว่าสวยแล้วอยากให้ได้เห็นของจริงกันว่าสวยขนาดไหน แล้วตรงนั้นมันสงบมาก 2 ทุ่มก็เงียบหมดแล้ว
ตอนอายุ 14 แบบในหนัง ณิชามีวีรกรรม หรือมีอะไรที่จดจำไว้เป็นพิเศษบ้าง
หนูเป็นแบบน้องๆเลยค่ะ ตอนหนู 14 ก็มีนะหนีเที่ยวอยู่กับเพื่อน ติดเพื่อน คือต้องการเพื่อนตลอดเวลา ไปเที่ยวเดินเล่นหน้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ถึงขนาดในหนังนะคะ แค่ต้องการอยู่กับเพื่อน ต้องการทำอะไรสนุกๆ ไม่มีชื่อแก๊งไม่มีคำมั่นสัญญาอะไร แต่มีเพื่อนที่จำได้ตอนอายุ 14 แก๊งเพื่อนน่าจะประมาณ 12 คน เยอะมาก ตอนเด็กหนูจะเล่นตี่เล่นเตยรู้จักไหมคะ ส่งเสียงตี่แล้วลากกันไป เล่นเตยที่มันเป็นด่านๆ ในโรงเรียนพวกหนูเล่นกันจนโตดึงกันเสื้อขาดเลย
หนูจำได้ว่าพวกหนูยังเล่นอะไรกันแบบเด็กน้อย เล่นบอลระเบิดขยำกระดาษปาใส่กันจนถึง ม.3 – ม.4 ก็ค่อยเลิกเล่นอะไรพวกนี้ แล้วก็หนีเที่ยวห้าง ไปหน้ามหาวิทยาลัย หลังมหาวิทยาลัย อยู่เชียงใหม่ ก็มีแอบขึ้นรถแดงไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ค่อยมีวีรกรรมอะไรโหดเท่าไหร่ หนูไม่ใช่คนที่โลดโผนขนาดนั้น พ่อแม่ก็รู้ค่ะ ว่าหนีเที่ยว เพราะว่าพ่อกับแม่นี่แหละที่เป็นคนจับได้ โกหกไม่เนียนไง
ณิชามองความสัมพันธ์ระหว่างกิ๊บกับต้อในเรื่องนี้ยังไงบ้าง
ชอบนะคะ เป็นความสัมพันธ์ที่บาลานซ์กันดี ถ้ากิ๊บกับต้อมันได้คบกันมาเรื่อยๆ มันคงเป็นความสัมพันธ์ที่แฮปปี้ดี ถึงกิ๊บจะเป็นคนที่ทะเยอทะยาน แต่สุดท้ายมันได้ไปลองแล้วมันไม่ใช่ พอมันกลับมาต้อยังอยู่ที่เดิม บางคนอาจจะมองว่า ต้อไม่โตเลยไม่ก้าวหน้าจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ มีอะไรให้พึ่งพาได้มั่งไหม แต่จริงแล้วต้อมีความมั่นคงในความรู้สึกของตัวเอง เขามีความสุขเขาพอใจแค่ตรงนี้มันคือความมั่นคง ถ้าเป็นผู้หญิงคนนึงที่กำลัง lost หรือหาอะไรไม่เจออยู่ แล้วกลับมาเจอแบบนี้ มันก็คงเป็นอะไรที่ เป็นโชคดีของเขาทั้งคู่
ในฐานะที่เราเคยผ่านอายุ 14 มาก่อน มีอะไรอยากบอกน้องๆ วัยรุ่นที่ก้าวเข้าสู่วัย 14 แบบในหนังบ้างไหม
สำหรับหนูที่ผ่านมา วัย14 มันเป็นช่วงเวลาที่เรามีเพื่อนมีสังคม เราสนุก เราเต็มที่กับมัน ได้เล่นให้สุด หาตัวเองให้สุดในตอนนั้น เพราะเดี๋ยวม.4 ก็ต้องเลือกสายแล้ว เก็บเกี่ยวความรู้สึกระหว่างทางนั้นให้ได้เยอะที่สุด
เพราะช่วงวัยนึงพอเราโตขึ้น หลายๆ อย่างมันจะบังคับให้เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น คิดมากขึ้น นึกถึงคนอื่นมากขึ้น แต่เวลาตอนนั้นชีวิตเรามีแต่เรียน กลับบ้านแล้วก็เพื่อนเลยรู้สึกว่าเอนจอยให้เต็มที่ อยากทำอะไรทำ อยากลองอะไรลอง ตราบใดที่ไม่ทำร้ายคนอื่น และต้องรักตัวเองด้วยสนุกกับชีวิตให้เต็มที่
พอมาทำงานแล้วมันก็นึกถึงวัยนั้นเหมือนกันนะ อย่างที่หนูเอาตัวเองไปเรียนภาษาที่อังกฤษ จริงๆ มันไม่ใช่แค่เพราะแค่อยากไปเรียนเพิ่มเติม แต่อยากไปใช้ชีวิตไม่ต้องคิดอะไร อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้น เหมือนอยากปล่อยสมอง อยากให้น้องๆ ถ้าเก็บเกี่ยวได้เยอะเท่าไหร่ก็เต็มที่เลยดีกว่า
ฝากผลงานเรื่องนี้กันค่ะ
ฝากติดตามหนังเรื่อง 14อีกครั้ง I Love You Two Thousand ด้วยนะคะ เป็นหนังเต็มๆ เรื่องแรกของณิชาเลย ณิชาเชื่อว่าถ้าทุกคนที่มาดูจะนึกย้อนไปถึงตอน 14 ของตัวเองแน่ว่า ณ ตอนนั้นตัวเองทำอะไรอยู่ แล้วคิดถึงช่วงเวลานั้นด้วย มันเหมือนพาเราย้อนกลับไปสำหรับคนที่ผ่านมา และก็มีเรื่องความสัมพันธ์ ของพี่น้อง ครอบครัว เพื่อน ความรัก ปัญหาที่เด็กสมัยนั้นเจอกัน กิจกรรมที่เขาทำกัน มาเอนจอยกับหนังเรื่องนี้ไปด้วยกัน แล้วหวังว่าทุกคนจะมีความสุข อบอุ่น ก็ฝากทุกคนมาดูด้วยกันค่ะ