“สัปเหร่อ-ธี่หยด” ดันราคาหุ้น MAJOR พุ่งแรง วันนี้ทดสอบจุดสูงสุดที่ 14.60 บาท +4.29% ปลายปีหนังทำเงินรอฉายในโรงอีกเพียบ บล.เอเซีย พลัส ชี้ รายได้ตั๋วหนังพุ่ง หนุรายได้ขายป๊อปคอร์นเครื่องดื่มสูงตาม มาร์จิ้นเกิน 50% พ่วงดันยอดรายได้โฆษณาเพิ่ม
วันที่ 27 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR วันนี้พบว่าเปิดที่ราคา 14.20 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +1.43% เมื่อเทียบจากราคาวันก่อนหน้า โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 14.60 บาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.60 บาท +4.29%
นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุนและเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ราคาหุ้น MAJOR ปรับขึ้นแรงวันนี้ เป็นไปตามกระแสของหนังทำเงินที่เข้ามาติดต่อกัน โดยภาพยนตร์ “สัปเหร่อ” ซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะสามารถทำรายได้ทะยาน 600 ล้านบาทไปแล้ว และเมื่อวานนี้ (25 ต.ค.) ภาพยนตร์สยองขวัญ “ธี่หยด” เปิดตัววันแรกก็ทำรายได้ไปกว่า 39 ล้านบาท
ซึ่งเป็นการเปิดฉากที่ดีสำหรับไตรมาส 4/2566 ที่สะท้อนให้เห็นว่าหนังไทยสามารถทะลุหลัก 100 ล้านบาทได้ไม่ยาก ขณะที่หากดูไลน์อัพหนังที่จะออกฉายมีภาพยนตร์เรื่อง “4 King ภาค 2” ซึ่ง 4 King ภาคแรก ก็ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท
และยังมีหนังต่างประเทศที่คนจับตาดูอีกหลายเรื่อง เช่น The Hunger Games, THE MARVELS, Aquaman ซึ่งเป็นหนังแฟรนไชส์ ที่มีภาคต่อ และแต่ละภาคทำรายได้หลักหลายร้อยล้านมาโดยตลอด
ฉะนั้นหากมีรายได้ลักษณะนี้ MAJOR ในฐานะโรงภาพยนตร์ ที่มีส่วนแบ่งรายได้ (Revenue share) อยู่ที่ 50% จึงพอจะเห็นภาพงบไตรมาส 4/2566 ออกมาแข็งแกร่ง จากรายได้หลักที่มาจากตั๋วหนัง และรายได้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงมาก หรือมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเกิน 50%
โดยอัตราส่วนระหว่างตั๋วหนัง กับ ป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม (Con to Box Ratio) อยู่ที่ 50-60% สะท้อนว่าหากมีรายได้ภาพยนตร์ที่สูง จะหนุนรายได้ขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มสูงตามไปด้วย รวมถึงรายได้โฆษณาในโรงภาพยนตร์ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยตามปริมาณจำนวนคนที่เข้าโรงหนังมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบราคาหุ้นย้อนหลังของหุ้น MAJOR ตั้งแต่ที่ภาพยนตร์ไทยเรื่อง “สัปเหร่อ” เข้าฉายเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่าหุ้น MAJOR ปิดตลาดปรับตัวบวก รวมทั้งสิ้น 7 วัน ประกอบด้วย
- 5 ต.ค. ปิดที่ราคา 13.90 บาท +0.72%
- 6 ต.ค. ปิดที่ราคา 14.00 บาท +0.72%
- 9 ต.ค. ปิดที่ราคา 14.30 บาท +2.14%
- 11 ต.ค. ปิดที่ราคา 14.30 บาท +2.14%
- 19 ต.ค. ปิดที่ราคา 13.90 บาท +1.46%
- 20 ต.ค. ปิดที่ราคา 14.10 บาท +1.44%
- 24 ต.ค. ปิดที่ราคา 14.40 บาท +2.13%