Whole Foods Market พยากรณ์ 10 สุดยอดอาหารและเครื่องดื่มสำหรับปี 2025


เนื้อหาสาระข่าว: ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารเผยเทรนด์ที่จะเปลี่ยนแปลงวงการอาหารในรายงานประจำปีครั้งที่ 10 จากผู้ค้าปลีกชั้นนำด้านอาหารธรรมชาติและออร์แกนิกของโลก

คณะกรรมการวิเคราะห์แนวโน้มความนิยมของ Whole Foods Market (WFM) เผย 10 เทรนด์อาหารที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2025 ในรายงานการพยากรณ์แนวโน้มอาหารที่จะได้รับความนิยมประจำปีครั้งที่ 10 ของผู้ค้าปลีก Whole Foods Market โดยคาดการณ์ว่าจะเกิดกระแสของเครื่องดื่มสำเร็จรูปที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ส่วนผสมจากทะเลชนิดใหม่ ๆ การเพิ่มความกรอบในทุกมื้ออาหาร และของว่างฟิวชั่นที่มีรสชาติแบบนานาชาติ เทรนด์เหล่านี้และอีกมากมายจะเข้ามามีอิทธิพลในวงการอาหารในปีหน้า

คณะกรรมการวิเคราะห์แนวโน้มความนิยมของ WFM ประกอบด้วยทีมงานมากกว่า 50 คนจาก WFM ตั้งแต่ผู้จัดหาวัตถุดิบและผู้ซื้อไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร ซึ่งได้ร่วมกันพัฒนาเทรนด์เหล่านี้ในแต่ละปี โดยอาศัยประสบการณ์อันลึกซึ้งในอุตสาหกรรม การสังเกตความต้องการของผู้บริโภคอย่างละเอียด และการทำงานร่วมกับแบรนด์ใหม่และแบรนด์ที่มีชื่อเสียง

Sonya Gafsi Oblisk ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาดของ WFM กล่าวว่า “การฉลองครบรอบ 10 ปีของการพยากรณ์แนวโน้มอาหารที่จะได้รับความนิยมถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเรา ที่สะท้อนถึงการแบ่งปันนวัตกรรมและการสำรวจทางอาหารที่ครอบคลุมทุกแผนกในร้าน … ในปีนี้ เราตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เฉลิมฉลองความสำเร็จของเราด้วยการเน้นย้ำเทรนด์สำหรับปี 2025 ซึ่งไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค แต่ยังท้าทายขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ในโลกของอาหารอีกด้วย เราตั้งตารอที่จะเห็นเทรนด์เหล่านี้เป็นจริงและสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้าของเราในปีหน้า”

Cathy Strange ทูตด้านวัฒนธรรมอาหารของ WFM และยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการวิเคราะห์แนวโน้มความนิยมด้วย กล่าวว่า “WFM ได้เฝ้าติดตามเทรนด์และนำนวัตกรรมในด้านอาหารและเครื่องดื่มมาแนะนำตั้งแต่ต้น … จากความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการอาหารที่สำคัญต่าง ๆ เช่น สวัสดิภาพสัตว์ สภาพภูมิอากาศ และความโปร่งใส ไปจนถึงรสนิยมและความชอบของผู้บริโภคที่มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มอาหารที่จะได้รับความนิยมนี้กระตุ้นให้เกิดบทสนทนาบนโต๊ะอาหารของเราในอีกหลายปีข้างหน้า และยังช่วยจุดประกายแนวคิดและวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตอีกด้วย” WFM เผย 10 เทรนด์อาหารที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2025 ซึ่งได้แก่

  1. ของขบเคี้ยวจากนานาชาติ

หมวดของว่างเป็นพื้นที่ที่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยมีแบรนด์ต่าง ๆ ที่นำของว่างรสเค็มอย่างป๊อปคอร์นและผสมผสานกับรสชาติจากทั่วโลก เพื่อสร้างของว่างแบบฟิวชั่นที่ดึงดูดใจผู้บริโภคและกระตุ้นให้ลองสิ่งใหม่ ๆ บรรจุภัณฑ์ของแบรนด์เหล่านี้ยังสามารถเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมของตนเองได้ผ่านอาหารในวัยเด็กที่น่าจดจำ ผลิตภัณฑ์ในเทรนด์นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รู้จักอาหารจากทั่วโลกผ่านของว่างแบบดั้งเดิม เช่น ขนม Chamoy (Chamoy คือเครื่องปรุงรสแนวเม็กซิกัน มีรสเผ็ดเปรี้ยวหวานและเค็มมักใช้คลุกกับผลไม้ คล้ายน้ำปลาหวานของไทย) หรือการผสมผสานใหม่ ๆ อย่างชิพข้าวเหนียวมะม่วง หรือถั่วผสมถั่วแระญี่ปุ่นคลุกพริกทอด

หากต้องการทดลองชิม: Daily Crunch และ Fly by Jing Sweet Sichuan Sprouted Cashews, Aaji’s Tomato Lonsa Original Recipe (มีจำหน่ายในบางสาขา), Dang Mango Sticky Rice และชิพข้าวไทยรสพริกไทยและมะนาว (เปิดตัวปี 2025), Confusion Snacks Chili Masala Popcorn (มีจำหน่ายในบางสาขา), Whole Foods Market Plantain Tostones, Siete Grain Free Hint of Mexican Vanilla Chocolate Chip และ Fresas con Crema Cookies แบบปลอดธัญพืช, Sosi’s Spinach Jalapeno Armenian Yogurt Dip (มีจำหน่ายในบางสาขา), Tamalitoz by Sugarox Divine Watermelon Mexican Candy และ Chili Pops (มีจำหน่ายในบางสาขา), CHUZA Spicy Mango (มีจำหน่ายในบางสาขา), Yaza Labneh Za’atar & Olive Oil, Geem Korean Seaweed Chips (ส่วนหนึ่งของโปรแกรม LEAP Early Growth Cohort 2024 ของ WFM)

  1. เกี๊ยวหลากหลายสไตล์

เกี๊ยวเป็นแป้งที่ห่อไส้รสเค็ม โดยทั่วไปมักต้ม นึ่ง หรือทอด เป็นที่รู้จักในหลายวัฒนธรรมและกำลังปรากฏในหลายหมวดอาหาร ตั้งแต่แบบแช่แข็งจนถึงแบบเสิร์ฟเดี่ยว เกี๊ยวเหล่านี้มีจุดเด่นในเรื่องรากวัฒนธรรมของผู้คิดค้นสูตร และยังเหมาะสำหรับการผสมผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งบน TikTok และในเมนูร้านอาหาร เกี๊ยวเป็นอาหารที่มีอยู่ในครัวของหลายชาติ ทำให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในเทรนด์นี้ได้อย่างง่ายดาย

หากต้องการทดลองชิม: MìLà Pork Soup Dumplings, Laoban Mala Beef Dumplings และ Chinese Style BBQ Pork Bao Buns, House of Yee Miso Jade Vegan Dumplings (มีจำหน่ายในแคนาดา), Plant Up Asian Dumplings และ Shawarma Bites (มีจำหน่ายในแคนาดา), Jaju Sweet Potato and Caramelized Onion Pierogi, Baozza! Pepperoni Pizza Bao Buns, Himalayan Momo Paneer และ Vegetable Dumplings (มีจำหน่ายในบางสาขา), 365 by Whole Foods Market Basil Pesto Plin, 365 by Whole Foods Market Chick’n Naan Bites, Fillo’s Bean Salsa Verde Walking Tamales, Mimi Cheng’s Chicken Parm Dumplings (มีจำหน่ายในบางสาขา)

  1. ความกรอบ: รสสัมผัสที่มาแรงขณะนี้

ตั้งแต่เมล็ดธัญพืชกรอบ กราโนล่า ไปจนถึงถั่วงอกและถั่วหมักกรอบ หรือถั่วลูกไก่และชิพเห็ดอบกรอบ ผู้บริโภคกำลังค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความกรอบให้กับมื้ออาหาร แบรนด์ต่าง ๆ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีความกรอบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชิพพริกกรอบสูตรใหม่ ๆ หรือเครื่องปรุงที่เน้นรสสัมผัสสำหรับสลัดและผักย่าง ผลไม้แห้งและขนมหวานกำลังเป็นที่นิยมในสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากผู้บริโภคค้นหารสสัมผัสที่เบาและกรอบ กระแสความนิยมนี้ ยังเห็นได้ในเครื่องดื่มและขนมหวาน เช่น มาร์ตินี่เอสเปรสโซ่เครมบรูเล่ หรือขนมอบที่มีถั่วพิสตาชิโอกรอบๆ

หากต้องการทดลองชิม: Daily Crunch Turmeric & Sea Salt Sprouted Almonds, GoodSAM Crispy Crunchy Pineapple Chips, Fly By Jing Chengdu Crunch, Whole Foods Market Organic Spicy Sesame Garlic Crunch, 365 by Whole Foods Market Lemon Tahini Crunch Chopped Salad Kit, 365 by Whole Foods Market Freeze-Dried Strawberries and Mangoes, Brad’s Balsamic Salad Snack, Madly Hadley Coconut Bacon Bits (มีจำหน่ายในบางสาขา) และ Pistachio Crumble (เปิดตัวมกราคม 2025), Life Raft Treats® Not Fried Chicken® Ice Cream (มีจำหน่ายในบางสาขา), Popadelics Crunchy Mushroom Chips Trippin’ Truffle Parm (มีจำหน่ายในบางสาขา), Freezcake Freeze-Dried Cheesecake Bites (ส่วนหนึ่งของโปรแกรม LEAP Early Growth Cohort 2024 ของ Whole Foods Market)

  1. เครื่องดื่มเพิ่มความรู้สึกสดชื่น

วัฒนธรรมการใช้ขวดน้ำแบบรีฟิลกำลังเป็นที่นิยม แต่ผู้บริโภคต้องการมากกว่าน้ำธรรมดา พวกเขามองหาเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ (ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย) และช่วยเพิ่มความสดชื่นอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น กระแสความนิยมนี้โดดเด่นในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีทั้งไอศครีมแท่งที่มีผสมเกลือแร่ น้ำมะพร้าวแบบสปาร์คกลิ้ง น้ำคลอโรฟิลล์ และน้ำโปรตีน อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น น้ำกระบองเพชรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและอิเล็กโทรไลต์  รวมถึงเครื่องดื่มที่ดีกว่าของหวานและเครื่องดื่มสปอร์ตที่มีน้ำตาลหรือสีเทียม แม้แต่เครื่องดื่มสำหรับเด็กก็สามารถเข้าร่วมกระแสความนิยมนี้ได้ ด้วยเครื่องดื่มรสชาติใหม่ ๆ ในบรรจุภัณฑ์ที่สนุกสนาน เช่น ถุงน้ำผลไม้หรือมะพร้าวขนาดเล็ก

หากต้องการทดลองชิม: Skratch Labs Strawberry Lemonade Hydration Sport Drink Mix (มีจำหน่ายในบางสาขา), Cocobear Organic Raw Coconut Water, Local Weather Wildberry, Pricklee Cactus Water (มีจำหน่ายในบางสาขา), KOR HYDRATE Superfood Quench Organic Sports Drink, BruMate Era 40oz Leakproof Straw Tumbler, Once Upon a Coconut + Watermelon (มีจำหน่ายในบางสาขา), Harmless Harvest Organic Sparkling Coconut Water, True Nopal Cactus Water

  1. ยุคของน้ำชา

น้ำชาเป็นที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในด้านรสชาติที่นิยมทานกับขนมหวานและกราโนล่า (ชาไจ, เอิร์ลเกรย์, ลอนดอนฟอก) รูปแบบการชงใหม่ ๆ เช่น แถบชา ถุงชงเย็นสำหรับขวดน้ำ และชาผง รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น น้ำชาผสมนมจากพืชและชาสปาร์คกลิ้ง งานปาร์ตี้น้ำชาในหมู่คนรุ่นใหญ่ในแนวย้อนยุค กำลังมาแทนที่ช่วง Happy Hour ด้วยลูกค้าที่มองหาชาที่มีส่วนผสมของสารปรับสมดุลและประโยชน์ต่อสุขภาพ กระแสความนิยมนี้ยังสอดคล้องกับคำพยากรณ์แนวโน้มในอดีตอย่าง เช่น “เครื่องดื่มใหม่: Yaupon” (ปี 2023) และ “เครื่องดื่มให้พลังงานที่บำรุงสุขภาพ” (ปี 2024)

หากต้องการทดลองชิม: Heritage Kulfi Cardamom Chai Ice Cream (มีจำหน่ายในบางสาขา), Kola Goodies Sri Lankan Milk Tea Latte, One Degree Organic Foods Coconut Hibiscus Tea Infused Granola (มีจำหน่ายในบางสาขา), Twrl Jasmine Pu’erh Milk Tea (มีจำหน่ายในบางสาขา), Camellia Grove Kombucha Oolong Tea Kombucha, Whole Foods Market Bakery Figgy Foggy Chantilly Cake, Whole Foods Market Bakery Vanilla Earl Grey Scone (เปิดตัวพฤศจิกายน 2024), Van Leeuwen Blue Jasmine Tea Ice Cream Bars, Remedy Organics Super Chai Fuel (มีจำหน่ายในบางสาขา), Bubbies Milk Tea Mochi, Big Heart Tea Co. Minty Blue Herbal Tea (มีจำหน่ายในบางสาขา), teapigs Cold Brew Peach & Mango, Maté Party Sparkling Yerba Mate (ส่วนหนึ่งของโปรแกรม LEAP Early Growth Cohort 2024 ของ Whole Foods Market)

  1. บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายอย่างเหนือชั้น

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจเลี่ยงการใช้บรรจุภัณฑ์ได้อย่างสิ้นเชิง กำลังเปลี่ยนเส้นทางไปใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ โดยทำให้บางส่วนหรือทั้งหมดของบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ บางแบรนด์ เช่น Compostic กำลังขยับขึ้นไปอีกระดับหนึ่งด้วยผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ในบ้าน หมายความว่าส่วนประกอบทั้งหมดสามารถย่อยสลายในถังขยะที่บ้านเลย แทนที่จะต้องใช้กระบวนการเชิงพาณิชย์ ในขณะที่ Rainer Fruit กำลังพัฒนาสติกเกอร์แปะผลไม้ที่สามารถย่อยสลายได้ออกสู่ตลาดในขณะนี้

หากต้องการทดลองชิม: SIMPLi Regenerative Organic Certified Gigante Beans, Whole Foods Market Organic Steeped Coffee Single Serve Compostable Coffee Bags, Alter Eco Classic Dark Chocolate Truffles, Compostic 100% Home Compostable Cling Wrap, Coyotas Organic Cassava Tortillas, PACHA Sourdough Sprouted Buckwheat Bread

  1. เครื่องดื่มที่ยั่งยืนกว่าเดิม

แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีวิสัยทัศน์กำลังทำงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไวน์ธรรมชาติและออร์แกนิกอาจไม่ใช่ของใหม่ แต่แบรนด์ต่าง ๆ กำลังก้าวไปอีกขั้นด้วยวิธีกาดำเนินงานแบบฟื้นฟูและบรรจุภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำมาใช้ ยกตัวอย่างเช่น Sustainable Wine Roundtable (ซึ่ง WFM เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง) มีเป้าหมายลดน้ำหนักขวดลง 25% ภายในปี 2026 นอกจากนี้ แบรนด์เบียร์และวิสกี้ยังหันมาใช้ธัญพืชทนแล้งอย่างฟอนิโอ หรือธัญพืชที่ช่วยฟื้นฟูสภาพดินได้อย่างเคิร์นซามาใช้เป็นส่วนผสม

หากต้องการทดลองชิม: Patagonia Provisions + Deschutes Kernza Lager & Kernza Non-Alcoholic Golden Brew, Brooklyn Brewery Fonio Rising Pale Ale, New Belgium Fat Tire Ale, Allagash White Belgian-Style Wheat Beer, Athletic Brewing Co. Free Wave Hazy IPA และ Run Wild IPA, Firestone Walker Brewing Company Mind Haze IPA, Bonny Doon Vineyard Carbon…nay!, Harthill Farms Pinot Grigio, Tablas Creek Vineyard Patelin de Tablas และ Patelin de Tablas Blanc

  1. การยกระดับขนมปังหมัก Sourdough

ในช่วงการระบาดของโควิด-19 บรรดาแม่ครัวขนมอบประจำบ้านหันมาทดลองทำขนมปังหมัก Sourdough กันมากมาย ปัจจุบันกระแสความนิยมนี้ได้เข้าสู่ชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น แป้งพิซซ่า แป้งขนมปังแผ่นบาง บราวนี่ แครกเกอร์ ช็อกโกแลต และยังมีอีหลากหลายรูปแบบ ลูกค้ากำลังมองหาประโยชน์และรสชาติของ Sourdough โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าครัวทำเองที่บ้าน นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมขนมปังหมัก Sourdough ใหม่ๆ เปิดตัวในแผนกเบเกอรี่ของ WFM เช่น ขนมปังหมัก Sourdough ฟักทองและขมิ้น

หากต้องการทดลองชิม: Bionaturae Organic Sourdough Spaghetti (เปิดตัวกุมภาพันธ์ 2025), Jesha’s Sourdough Pancake & Waffle Mix, Wasa Swedish Style Sourdough Crispbread, Whole Foods Market Bakery Pumpkin Turmeric Sourdough, Rudi’s Gluten Free Sourdough Texas Toast with Garlic, Berlin Natural Bakery Old Fashioned Sourdough Spelt Bread, Base Culture Sourdough, Essential Bake-at-Home Sourdough, Patagonia Provisions Sourdough Sea Salt Organic Crackers, Pinsa Love Artisan Pepperoni and Pesto Mushroom Pinsa (เปิดตัวในบางสาขาพฤศจิกายน 2024)

  1. ส่วนผสมจากพืชน้ำ

ด้วยความนิยมที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของสาหร่ายทะเลและความสนใจในการเก็บเกี่ยวพืชน้ำเพื่อเป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารที่ยั่งยืนมากขึ้น อาหารที่ทำจากพืชน้ำและพืชน้ำจืดเริ่มเป็นที่นิยม สาหร่ายทะเลเป็นส่วนผสมที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคที่ห่วงใยสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ที่มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และไอโอดีน ซึ่งจะพบได้ในเครื่องดื่มและขนมแบบกัมมี่ นอกจากนี้ยังมีพืชน้ำตระกูลจอกแหน เช่น Duckweed หรือ Water Lentils ซึ่งยังถือว่าเป็นของใหม่ในตลาดอยู่ และก็มีการโอ้อวดไว้ว่ามีโปรตีนสูงกว่าผักใบเขียวชนิดอื่น ๆ และวุ้นเส้นจากสาหร่ายสีแดง (Agar-Agar) ซึ่งเป็นเจลาตินจากพืชที่ช่วยในเรื่องระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี

หากต้องการทดลองชิม: Atlantic Sea Farms Sea-Chi และ Seaweed Salad, Copina Co. Passionfruit Sea Moss Refresher, Barnacle Foods Alaskan Sea Verde Kelp Salsa (มีจำหน่ายในบางสาขา), MaryRuth’s Sea Moss Gummies, Simply Organic Sea Lettuce Finishing Salt, Umaro Applewood Smoke Sea Moss Bacon (มีจำหน่ายในบางสาขา), Homiah Sambal Chili Crunch, Kamuni Creek Mango Seamoss (มีจำหน่ายในบางสาขา)

  1. เพิ่มพลังด้วยโปรตีน

ผู้บริโภคกำลังมองหาวิธีเพิ่มปริมาณโปรตีนในอาหารมากขึ้นจากเดิมที่เป็นแบบผงชงดื่มหรือที่เป็นแท่งพร้อมรับประทาน โดยจะเน้นการบริโภคโปรตีนในระหว่างมื้ออาหารปกติและของว่างที่เป็น “อาหารธรรมชาติ” สูตรอาหารที่ทำจาก ชีสสด (cottage cheese) (ยังเป็นรายการแม่เหล็กที่ดึงดูดลูกค้าได้ดีในหมวดผลิตภัณฑ์นมอยู่) อาจเป็นตัวจุดประกายความต้องการค้นหาโปรตีนจากแหล่งอาหารที่เป็นธรรมชาติ ผ่านกระบวนการผลิตน้อย โดยโปรตีนจากเนื้อสัตว์กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ นอกจากนี้ เครื่องในสัตว์กำลังถูกยกย่องว่าเป็น สุดยอดอาหาร ที่ให้โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุอย่างมาก ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อผลิตภัณฑ์เนื้อผสมกับเครื่องใน เพื่อให้ได้รับประโยชน์ทางโภชนาการโดยไม่ต้องเรียนรู้วิธีปรุงอาหารประเภทตับ ไต หรือหัวใจ

หากต้องการทดลองชิม: Whole Foods Market Caribbean Style Protein Frozen Vegetable Blend, Painterland Sisters Organic Skyr Yogurt Meadow Berry Yogurt (มีจำหน่ายในบางสาขา), FOND Bone Broth (มีจำหน่ายในบางสาขา), 365 by Whole Foods Market Kale & Spinach Egg Bites, 365 by Whole Foods Market Hot Smoked Atlantic Salmon Snack Cubes, Good Culture Cottage Cheese, organicgirl protein greens, Force of Nature Beef Ancestral Blend และ Bison Ancestral Blend, Eel River Organic 100% Grass-fed Primal Blend (มีจำหน่ายในบางสาขา), Diestel Family Ranch Primal Blend Ground Turkey with Turkey Heart and Liver (มีจำหน่ายในบางสาขา), Bob’s Red Mill Organic Protein Oats

ความเป็นมาของ Whole Foods Market

ก่อตั้งขึ้นในปี 1980 ที่เมืองออสติน WFM เป็นผู้ค้าปลีกชั้นนำด้านอาหารธรรมชาติและออร์แกนิกของโลก และเป็นผู้จำหน่ายสินค้าออร์แกนิกที่ได้รับการรับรองรายแรกในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Amazon และมีสาขามากกว่า 530 แห่งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร

บทวิเคราะห์: การคาดการณ์กระแสความนิยมอาหารปี 2025 จาก WFM นำเสนอโอกาสสำคัญสำหรับผู้ส่งออกไทยที่ต้องการเจาะตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการหมุนเวียนเร็ว (FMCG) การปรับกลยุทธ์และนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับแนวโน้มที่กล่าวถึง จะช่วยให้ผู้ส่งออกสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ ความยั่งยืน และสุขภาพมากขึ้น กระแสความนิยมเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออกอย่างไร และพวกเขาควรดำเนินการอย่างไรเพื่อคว้าโอกาสในตลาดที่เติบโตนี้

โอกาสสำคัญสำหรับผู้ส่งออก:

  1. ของขบเคี้ยวจากนานาชาติ (International Snacking): ผู้ส่งออกที่จำหน่ายของว่างที่มีรากฐานทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะของว่างที่มีส่วนผสมจากวัตถุดิบแท้ ๆ จะได้รับประโยชน์จากเทรนด์นี้อย่างมาก WFM เน้นไปที่ของว่างฟิวชั่นและรสชาติที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เช่น สาหร่ายทอดกรอบ ถั่วปรุงรส หรือมันสำปะหลังทอด ซึ่งมาจากวัตถุดิบพื้นถิ่นของแต่ละภูมิภาคจะตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวอเมริกัน
  2. บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ (Next-Level Compostable Packaging): ผู้ส่งออกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสามารถนำเสนอสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ จะได้รับโอกาสทางการตลาดนี้อย่างเต็มที่ การมีบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้รับการรับรองจากมาตรฐานสหรัฐอเมริกา จะทำให้สินค้าเหล่านี้โดดเด่นในตลาด WFM ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เช่น ขนมออร์แกนิกหรือเครื่องดื่มที่ใช้บรรจุภัณฑ์ปลอดสารพิษ
  3. ส่วนผสมจากพืชน้ำ (Plant-Based Aquatic Ingredients): ผู้ส่งออกที่มีส่วนผสมจากพืชน้ำ เช่น สาหร่ายทะเล หรือมอสทะเล จะได้รับความสนใจในตลาดนี้ เนื่องจากความนิยมในอาหารที่มีแหล่งที่มายั่งยืนและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อาหารที่ทำจากพืชน้ำตระกูลจอกแหน เช่น Duckweed หรือ Water Lentils และวุ้นเส้นจากสาหร่ายสีแดง (Agar-Agar) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมด้วย
  4. โปรตีนเพิ่มพลัง (Protein Power-Up): ความต้องการโปรตีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้สินค้าที่มีแหล่งโปรตีนจากธรรมชาติเช่น ชีสคอทเทจ โยเกิร์ต หรือเนื้อสัตว์ผสมเครื่องในกลายเป็นที่นิยมในตลาด ผู้ส่งออกสามารถเสนอผลิตภัณฑ์ที่เน้นแหล่งโปรตีนจากสัตว์หรือจากพืช เพื่อสอดคล้องกับความต้องการของตลาดนี้

ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: WFM พยากรณ์แนวโน้มเช่นนี้มาสิบปีแล้ว และปีนี้ก็เป็นปีที่สองที่ สคต. ไมอามีนำเสนอเรื่องนี้ จึงเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากเดิม พอสมควร ปีก่อนดูเหมือนจะเน้นอาหารประเภทโปรตีนจากพืชค่อนข้างชัดเจน แต่ปีนี้ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งมองเห็นว่าเป็นโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบใหม่ๆ จากประเทศไทยกันมากขึ้น โดยเฉพาะบรรดาขนมเครื่องดื่มและอาหารของผู้ประกอบการไทยที่มาร่วมแสดงสินค้าในงาน Americas Food & Beverage Show 2024 ที่เพิ่งจะเดินทางกลับไปยังประเทศไทยเมื่อเดือนที่แล้วนี้ จึงอยากกระตุ้นเตือนเป็นพิเศษว่าให้หาทางนำเสนอไปยัง WFM โดยเร็ว จริงอยู่ที่ว่า WFM นั้นอาจมีในใจอยู่แล้วว่าจะนำสินค้าตัวใดมาจำหน่ายตามแนวโน้มที่ตนพยากรณ์ไว้แล้วนั้นก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ตามแนวโน้มเหล่านั้น ทั้งนี้ อาจเรียกได้ว่า รายการสินค้าที่พยากรณ์เหล่านี้ เป็นคำสั่งซื้อที่บรรดาผู้จัดจำหน่ายสินค้าที่ส่งสินค้าให้ WFM เป็นประจำจะต้องนำมาเสนออย่างต่อเนื่องต่อไปตลอดปี 2025 อีกทั้งด้วยความเป็นผู้นำในตลาดสหรัฐฯ รายหนึ่งนี่เอง บรรดาคู่แข่งก้อาจต้องขยับตามมองหาผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาวางบนชั้นวางสินค้าของตนไว้ด้วยบ้าง ไม่มากก็น้อยด้วย ผู้ส่งออกไทยที่มีสินค้าเข้าข่ายตรงตามแนวโน้มเหล่านี้ จึงควรเตรียมตัวให้พร้อมและดำเนินการเชิงรุกเพื่อคว้าโอกาสครั้งนี้ สิ่งที่ควรเตรียมการก่อนบุกตลาดนี้ ได้แก่

  1. ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับเทรนด์ในสหรัฐฯ: ผู้ส่งออกควรรีบประเมินสินค้าของตนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวโน้มที่กล่าวถึง เช่น การพัฒนาขนมที่มีรสชาติแบบนานาชาติ หรือเพิ่มส่วนผสมฟังก์ชัน เช่น เกลือแร่หรือพืชทะเลในเครื่องดื่ม ทั้งนี้ การออกแบบบรรจุภัณฑ์และการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ตลาด WFM ที่เน้นความยั่งยืนและสุขภาพจะช่วยให้สินค้าเหล่านี้โดดเด่นในตลาด
  2. การรับรองด้านความยั่งยืน: ผู้ส่งออกที่มุ่งเน้นด้านความยั่งยืนควรรีบดำเนินการขอการรับรองที่เกี่ยวข้อง เช่น การรับรองออร์แกนิกหรือบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานในสหรัฐฯ WFM และผู้ซื้อส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการค้าที่เป็นธรรม การแสดงการรับรองที่ชัดเจนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการพิจารณาเพื่อนำสินค้าเข้าจำหน่าย
  3. สร้างเครือข่ายกับตัวแทนจำหน่ายและนายหน้าในสหรัฐฯ: แม้ว่า WFM จะทำงานกับผู้ส่งออกต่างประเทศบางรายโดยตรง แต่การเริ่มต้นด้วยการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายหรือนายหน้าที่มีประสบการณ์ในสหรัฐฯ จะเป็นวิธีที่ได้ผลมากกว่า ผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้มีเครือข่ายกับทีมจัดซื้อของ Whole Foods และเข้าใจกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในสหรัฐฯ
  4. เข้าร่วมงานแสดงสินค้าและงานอุตสาหกรรม: การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในสหรัฐฯ เช่น Winter Fancy Food Show, Natural Products Expo West รวมถึง Americas Food & Beverage Show ที่เพิ่งจบลงไป จะช่วยให้ผู้ส่งออกมีโอกาสนำเสนอสินค้าต่อหน้าผู้ซื้อตัวจริงไม่เพียงเฉพาะจาก WFM เท่านั้น แต่ยังมีร้านค้าปลีกรายอื่น ๆ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายและนำเสนอสินค้าที่ตรงกับแนวโน้มในตลาดดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ยังมีงานจับคู่ธุรกิจอีกงานหนึ่งชื่อว่า eCRM ที่เป็นงานแสดงสินค้าในรูปแบบที่แตกต่างไปจากงานแสดงสินค้าอื่นๆ กล่าวคือเป็นการนำเอาผู้ซื้อรับเชิญกับผู้ขายที่สมัครเข้ามาในแต่ละหมวดผลิตภัณฑ์ มาเก็บตัวไว้ในโรงแรมเดียวกัน มีโอกาสนำเสนอสินค้าอย่างเป็นการส่วนตัวระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย อบรมสัมมนา และร่วมกิจกรรมสังสรรค์กันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้มีความสนิทสนมเป็นกันเองได้ดีกว่างานแสดงอื่นๆ
  5. ปรับแบรนด์และการตลาดให้ตรงกับผู้บริโภคสหรัฐฯ: ผู้ส่งออกควรมั่นใจว่าการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการตลาดของสินค้าตรงกับความต้องการของผู้บริโภคสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการสื่อสารอย่างชัดเจนถึงความยั่งยืน ประโยชน์ทางสุขภาพ และความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ WFM มักให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ดังนั้นการเน้นเรื่องราวเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรม หรือกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ

ผู้ส่งออกสามารถขายตรงให้ Whole Foods Market ได้หรือไม่?

ผู้ส่งออกสามารถติดต่อทีมจัดหาสินค้าของ WFM ได้โดยตรง แต่ต้องมั่นใจว่าสินค้านั้นผ่านการรับรองตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของอาหารในสหรัฐฯ และมีระบบการจัดหาสินค้าที่มั่นคงเพื่อตอบสนองความต้องการของ WFM สำหรับผู้ส่งออกไทย การเริ่มต้นโดยการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ ที่มีเครือข่ายกับ WFM เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้สามารถช่วยจัดการเรื่องการขนส่งและการจัดส่งสินค้า รวมถึงข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่จำเป็นในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ และมีบ่อยครั้งที่เครือค้าปลีกรายใหญ่เหล่านี้ เมื่อสนใจผลิตภัณฑ์ใดก็มักจะแนะนำให้ไปนำเสนอผ่านผู้จัดจำหน่ายบางรายอยู่ดี อาจด้วยเหตุที่ไม่ต้องการจะรับภาระด้านการเก็บสินค้าคงคลังมากเกินจำเป็น จึงอยากผลักภาระไปให้ผู้จัดจำหน่ายช่วยแบ่งเบาและจัดส่งสินค้ามาให้เท่าที่จำเป็น

  1. หากประสงค์จะติดต่อโดยตรง: WFM มีการเปิด Supplier Portal ให้ผู้สนใจจะสมัครเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้กับ WFM โดยอาจหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิ้งก์นี้ Whole Foods Market | Whatever Makes You Whole และหากต้องการเรียนรู้ถึงวมาตรฐานที่ผู้จัดจำหน่ายจะต้องมีก็ตามลิ้งก์นี้ไปศึกษาดูก่อนได้ Quality Standards | Whole Foods Market และถ้าพร้อมแล้ว ก็สามารถตรงดิ่งไปสมัครเป็นผู้จัดจำหน่ายได้เลยตามลิ้งก์นี้ Supplier Portal
  2. หากสนใจจะนำเสนอสิน้าผ่านผู้จัดจำหน่ายที่ทำงานกับ WFM อยู่แล้ว: จากการหาข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ปัจจุบันนี้ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าประจำของ WFM ได้แก่ Martinez Distributors Inc. (อาหารแช่แข็ง เนื้อสัตว์และสินค้าของชำหลายรายการ), Associated Wholesale Grocers (ผู้จัดจำหน่ายสินค้าของชำรายใหญ่) Cal-Maine Foods, Inc. (ไข่และเนื้อสัตว์ปีก) และ Colonial Distributing Inc. (ผลิตภัณฑ์อาหารทั่วไป) ซึ่งบรรดา สคต. ในพื้นที่พร้อมจะช่วยประสานให้อยู่เสมอ

แม้ว่า WFM จะมีการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยตรงในบางครั้ง ซึ่งในรายที่เคยลงทะเบียนขอเป็นผู้จัดจำหน่ายและเคยจัดจำหน่ายสินค้าโดยตรงกับ WFM หรือเครือข่ายร้านค้าปลีกรายใหญ่ๆ อื่นๆ และมีผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายตามแนวโน้มดังกล่าวนี้ ก็อย่ารอช้า โปรดเร่งนำเสนอไปให้พิจารณาโดยอ้างถึงแนวโน้มตามคำพยากรณ์นี้เสียด้วยเลย เพื่อจะได้ไม่เสียโอกาส อย่างไรก็ตาม การร่วมงานกับผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ส่งออกที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ

โดยสรุป สำหรับผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ FMCG ของไทย แนวโน้มผลิตภัณฑ์อาหารที่จะได้รับความนิยมในปี 2025 จาก WFM เปิดทางสู่ความสำเร็จอย่างชัดเจน มีผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยที่ตอบโจทย์ตามแนวโน้มเหล่านี้แบบตรงๆ จำนวนไม่น้อย เช่น บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ส่วนผสมจากพืชน้ำ ไอศกรีม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหรือของว่างนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายหลายชนิด จะช่วยให้ผู้ส่งออกสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ การร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และการได้รับการรับรองมาตรฐานที่เหมาะสม จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการนำผลิตภัณฑ์เข้าจำหน่ายใน WFM และผู้ค้าปลีกอีกมากมายในสหรัฐฯ ได้

ท้ายที่สุดแล้ว เทรนด์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืน สุขภาพ และรสชาติจากทั่วโลก ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าสนใจและสร้างรายได้ที่มั่นคงสำหรับผู้ส่งออกที่พร้อมจะปรับตัวและวางกลยุทธ์อย่างรวดเร็วและชาญฉลาด

*********************************************************

ที่มา: Business Wire
เรื่อง: “Whole Foods Market Forecasts the Top 10 Food and Beverage Trends for 2025”
โดย: Whole Foods Market
สคต. ไมอามี /วันที่ 16 ตุลาคม  2567

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *