จับตาสินค้าขึ้นราคาตามราคาน้ำตาล เครื่องดื่ม-ขนมอาหาร-อาหาร กระทบยกแผง


ซูเปอร์มาร์เก็ต เครื่องดื่ม

เอกชนชี้ราคาน้ำตาลขึ้นกิโลละ 4 บาท กระทบอุตสาหกรรมอาหาร-เครื่องดื่มยกแผง แต่ยังกัดฟันตรึงราคารักษาต้นทุนเดิมจนกว่าสต๊อกเก่าหมด

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าจากการที่สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ออกประกาศเรื่อง ราคาน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร เพื่อใช้ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ประจำฤดูการผลิตปี 2566/2567 ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงนามโดยนายฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) และรักษาราชการแทนเลขาธิการ กอน. ได้กำหนดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานใหม่

วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา
วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา

ส่งผลให้จากเดิมน้ำตาลทรายขาวอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 19 บาท เป็นราคา กก.ละ 23 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จากเดิม กก.ละ 20 เป็น กก.ละ 24 บาท

       
       

ความต้องการของผู้บริโภคโดยตรง 57.7% ที่เหลืออีก 42.3% เป็นความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2566 เป็นต้นมา

“ราคาน้ำตาลที่ปรับขึ้นยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิต สินค้า เพราะยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายในทันที กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือผู้ค้าส่ง ค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ในการจำหน่ายราคาเดิมในสต๊อกเดิมไปก่อน เนื่องจากถือเป็นต้นทุนเก่า จนกว่าจะมีการปรับเปลี่ยน ส่วนสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบ จะดูแลในส่วนของสินค้าควบคุม ให้มีการปรับราคาสะท้อนกับต้นทุนที่แท้จริงตามสัดส่วน”

แต่อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากมีการปรับขึ้นราคาจริง ก็จะพิจารณาต้นทุนอย่างเหมาะสม และดูต้นทุนตัวอื่น ๆ ประกอบด้วย ซึ่งคาดว่ากลุ่มอาหารสำเร็จรูปที่คาดว่าหากมีการปรับราคาขึ้นจะส่งผลต่อต้นทุนสินค้า คือ ผลไม้กระป้อง น้ำผลไม้และแปรรูป ซอส เป็นต้น

“ผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละสินค้าสัดส่วนในการใช้แตกต่างกัน ในส่วนของสินค้าที่ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุมนั้นจะใช้การขอความร่วมมือในการปรับราคาเท่าที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเท่านั้น โดยจะมีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป”

ทั้งนี้ หากประเมินความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่มีสัดส่วน 42.3% (ทางอ้อม) อาทิ เครื่องดื่ม สัดส่วน 41.5% ของปริมาณการใช้น้ำตาลทรายทางอ้อมทั้งหมด รองลงมาเป็นอาหาร 28.1% ผลิตภัณฑ์นม 18.8% และอื่น ๆ 11.6% ซึ่งจะเห็นว่าแต่ละสินค้ามีสัดสัดการใช้น้ำตาลทรายไม่เท่ากันเลย ถ้าใช่น้ำตาลเป็นส่วนผสมมากจะกระทบมากกว่าตัวที่ใช้เป็นส่วนผสมน้อย พิจารณาเรื่องราคาก็จะเป็นไปตามสัดส่วน

ด้านการส่งออกน้ำตาลและกากน้ำตาลของโลกปี 2565 ไทยส่งออกสินค้าน้ำตาลและกากน้ำตาลเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เติบโต 93% มีสัดส่วนการส่งออกในตลาดโลกคิดเป็น 8% รองจากบราซิล และอินเดีย

เมื่อพิจารณาจากปริมาณน้ำตาลในการส่งออก ปี 2565 ประเทศอันดับต้น ๆ ที่ส่งออกมาก คือ โมซัมบิก บราชิล อินเดีย ฟิจิ โดยไทยส่งออกเป็นอันดับ 5 ของโลก มีปริมาณการส่งออก 7.5 ล้านตัน เติบโต 75% มีสัดส่วนการส่งออกในตลาดโลกคิดเป็น 5%

ล่าสุดในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2566 ไทยส่งออกน้ำตาลและกากน้ำตาลมูลค่า 100,000 ล้านบาทขยายตัว 12% โดยส่งออกไปยังตลาดอินโดนีเซียเติบโต 4% ฟิลิปปินส์เติบโต 157% เกาหลีใต้เติบโต 8% มาเลเซียเติบโต 39% กัมพูชาเติบโต 4%


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *