…เป็นร้านอาหารไทย ที่ยังคงกลิ่นอาย ความเป็นอาหารไทยอย่างดีเยี่ยมทีเดียว สำหรับ “ข้าว” ร้านอาหารที่ได้รับการการันตีความอร่อย ด้วยมิชลินสตาร์ 1 ดาว ในปี 2019 มาแล้ว…
ถือเป็นโอกาสดีมากเลยก็ว่าได้ ที่ครั้งนี้ แอดมิน ได้มีโอกาสได้มาที่ “ร้านข้าว” สาขาที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของโรงแรม โอเรียนเต็ล เรซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ซึ่งที่สาขานี้ มีการตกแต่งไปจาก ร้านข้าว สาชาเอกมัย โดยมีการตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ดูหรูหรา โดยภายในร้านมี 2 ชั้น และมีรับรองวีไอพีด้วยกันถึง 2 ห้อง ซึ่งบริเวณชั้น 2 ของร้านถือว่า ตกแต่งได้อย่างสวยงามจริงๆ
นอกจากความสวยงาม ภายในร้านแล้ว ที่นี่ ยังเรียกได้ว่ามีเมนูอาหารอร่อยๆ ที่ทำให้ลูกค้าคนไทย และคนต่างชาติรู้สึกประทับใจกับรสชาติอันโดดเด่นของอาหาร ที่บอกได้เลยว่า รสชาติเป็นไทยแท้จริงๆ รสจัดจ้าน และเข้มข้นทุกเมนู แถมบางเมนูอาจจะดูหน้าตาแปลกไม่คุ้นตา แต่ก็บอกเลยว่า อร่อยจริงจังมากทีเดียว
มาที่ “ร้านข้าว” สิ่งแรกที่บอกเลยว่า ต้องสั่งมารับประทานเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย ก็คือ ขนมเบื้องโกสิยะ ที่เป็นแผ่นแป้งกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับ เนื้อปู และกุ้งสับผัดเข้ากับเครื่องสมุนไพร รับประทานคู่กับน้ำจิ่มอาจาด และผักเคียง ถือเป็นอาหารกินเล่น ที่หารับประทานได้ยาก แต่มีที่ร้านข้าว แน่นอน
อาหารทานเล่นอีกหนึ่งเมนู ที่อยากแนะนำ คือ “หน้าตั้ง-เมี่ยงลา ข้าวตังทอด” ความพิเศษของเมนูจานนี้ อยู่ที่ข้าวตังทอด ที่บางกรอบ และเมื่อรับประทานกับหน้าตั้ง ยิ่งเข้ากัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น อยู่ที่ เมี่ยงลาว ที่แต่เดิมต้องใช้ใบเมี่ยง หรือ ใบขาหมัก แต่ที่ร้านนี้ ใช้เป็น ใบผักกาดดอง ห่อกับไส้หวาน อย่างไส่สาคู ทำให้รับประทานได้ง่ายขึ้น เรียกว่าเป็นเมนุ ที่ไม่ซ้ำใครจริงๆ
หลังจากที่เพลิดเพลินกับอาหารว่างเรียกน้ำย่อยแล้ว ก็มาที่เมนูอาหารจานหลักกันเลยดีกว่า เพราะท้องเริ่มร้องจ็อกๆ แล้ว โดยเมนูแรก ที่เสิร์ฟมาคือ ผัดไหลบัวกับกุ้งแม่น้ำ ซึ่งก่อนจะชิมเมนูนี้ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ไหลบัว กับ สายบัว แตกต่างกัน ซึ่งสายบัว จะเป็นก้านของดอกบัวที่มีลักษณะอ่อนนิ่ม กดแล้วยุบตัว ส่วนไหลบัว หรือ บางที่เรียกว่า หลดบัว จะเป็นหน่ออ่อนของบัว ที่พร้อมเจริญเติบโจขึ้นเป็นต้นบัวใหม่ ลักษณะของไหลบัว จะมีก้าวยาว สีเหลืองนวล เนื้อแข็ง ปลายเรียวแหลม สำหรับเมนู “ผัดไหลบัวกับกุ้งแม่น้ำ” ความกรุบกรอบของไหลบัวถือเป็นอีกหนึ่งเมนู ที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน
ผัดพริกขิงปลาดุกฟู เมนูจานนี้ บอกเลยว่า เด็ดจริงๆ โดยเฉพาะปลาดุกฟู ที่นำมาผัดเข้ากับเครื่องแกง ยังคงความกรอบและเคี้ยวเพลิน เพราะกว่าจะเป็นปลาดุกฟู จานนี้ได้ เนื้อปลาดุกต้องผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอนเลยทีเดียว แถมยังหอมกรุ่นด้วยตัวพริกแกงที่นำมาผัด และใบมะกรูดหอมๆ
“ไข่เจียวปู” บอกได้เลยว่า เป็นอีกเมนู ที่ไม่แพ้ร้านดังก็ว่าได้ แถมราคาก็ไม่แพงหวือหวาเกินไป ไข่ถูกทอดมาได้นุ่ม แถมด้านในไข่เจียว ยังอัดแน่นด้วยเนื้อปูเลยทีเดียว เรียกว่า คุ้มสุดๆ รับประทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยแล้ว ยิ่งฟินสะใจ มาต่อกันที่ เมนู “สายบัวต้มกะทิปลาทู” รสชาติเข้มข้นถึงใจ โดยเฉพาะ สายบัวนุ่มๆ ที่รับประทานคู่กับปลาทูเนื้อแน่น ยิ่งได้ข้าวสวยร้อนๆ ด้วยแล้ว บอกเลย ฟินเวอร์จริงๆ
“มัสมั่นน่องแกะ” เมนูที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ เพราะเนื้อแกะนุ่มนวล และไม่มีกลิ่นสาบเลย แถมรสชาติยังคงความเป็นมัสมั่นอย่างแท้จริง .ใครที่ชื่นชอบเนื้อแกะ ต้องชอบเมนูนี้ แน่นอน จากนั้น ไปกันที่ “ต้มส้มปลากดย่างมะพร้าวใบมะขาม” เมนูโบราณที่เต็มไปด้วยสมุนไพร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย น้ำซุบรสชาติเปรี้ยวนำ ทำให้ซดคล่องคอ และรู้สึกสดชื่นจริงๆ ส่วนใครที่เป็นสายบีฟเลิฟเวอร์ ก็ไม่ควรพลาด “ยำเนื้อออสเตรเลียวากิวย่างกับองุ่นแดง” เมนูนี้ เมื่อลองแกะสูตรแล้ว ก็จะรู้ว่า เชฟต้องการที่จะให้ผู้บริโภค ที่แต่เดิม เราอาจจะรับประทานเนื้อย่าง กับ ไวน์แดง แต่วันนี้ ได้ถูกปรับมาเป็นอาหารไทย ที่ยังคงเสน่ห์ ของการรับประทานเนื้อวัว ตามแบบฝรั่งได้อย่างดีเยี่ยม เนื้อวัวนุ่มๆ ผสานความเปรี้ยวและเผ็ดของน้ำยำ กินคู่กับองุ่นแดงที่ออกรสหวาน ช่างเข้ากันเหลือเกิน
“ยำส้มฉุนปลาฟูกุ้งหวาน” เมนูชื่อแปลก ที่บอกเลยว่า ไม่มีในร้านไหนอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่ “ร้านข้าว” เพราะเมนูนี้ เป็นการรวมเอาสมุนไพร เนื้อส้มโอ กุ้งหวาน และปลาฟู เข้าไว้ด้วยกันเป็นอย่างดี กินพร้อมๆ กัน นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังเรียกความสดชื่นได้อย่างดีทีเดียว หรือ ใครอยากรับประทาน “ยำส้มโอ” ที่ร้านข้าว ก็มีเสิร์ฟ โดยสามารถรับประทานได้ทั้งแบบอาหารว่าง หรือ จะเป็นกับข้าวก็ได้เช่นกัน
มากันที่ เมนูน้ำพริกกันบ้าง บอกแล้วว่า ร้านอาหารแห่งนี้ เป็นแหล่งรวมความอร่อยของเมนูอาหารไทย ดังนั้น ที่นี่จะมีทั้ง น้ำพริกมะขามอ่อน น้ำพริกไข่ปู รวมถึงน้ำพริกกะปิ และอีกหลายน้ำพริก ที่เสิร์ฟมาพร้อม ปลาทู ผักสด และมะเขือทอด ซึ่งจะทำให้ทุกคนฟินอย่างแน่นอน ยิ่งรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ด้วยแล้ว อาจจะทำให้อิ่มจนพุงกางเลยทีเดียว
อิ่มเอม กับอาหารคาว กันไปแล้ว ก็ต้องมาต่อกันที่ “ขนมหวาน” แบบไทยๆ กันบ้าง ที่แม้บางอย่างจะถูกดัดแปลง จนหน้าตาละม้ายคล้าย ขนมฝรั่ง แต่บอกได้เลยว่า รสชาติยังคงมีความเป็นไทยแท้ แน่นอน เริ่มต้นจาก “ส้มฉุน” เมนูของหวานของไทย แต่โบราณ ที่นำเอาขิงสด หอมเจียว มะม่วง รวมถึงผลไม้แช่อิ่มบางชนิด มาผสมผสานกัน จนกลายเป็น เมนูที่หลายคนติดอกติดใจ กันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
“สังขยาน้ำตาลไหม้ และหวานเย็นส้มสายน้ำผึ้ง” หากดูดีๆ จะมีความคล้าย คัสตาร์ด คาราเมล ที่มีความหอมกลิ่นของไข่ และน้ำตาลไหม้ ที่รับประทานคู่กับไอศกรีมส้มเชอร์เบส ที่เข้ากันเป็นอย่างดี หรือ จะเป็น “ขนมโคมะพร้าวอ่อน กับไอศกรีมงาดำ” เป็นอีกเมนูของหวาน ที่กินไม่เคยเบื่อเลยทีเดียว ความหวานมันของน้ำกะทิ และความนุ่มของขนมโค ที่สอดไส้มะพร้าวหวาน ทำให้เมนูขนมนี้ อร่อยอย่างไม่มีที่ติ เลย ยิ่งรับประทานกับ ไอศกรมงาดำด้วย ยิ่งชื่นใจ
และปิดท้ายด้วยขนมหน้าตาแปลก “หยกมณีสอดไส้สตรอว์เบอร์รี่” เรียกว่า เป็นการประยุกต์เอาผลไม้ต่างประเทศ อย่าง สตอร์วเบอร์รี่ ลูกโตๆ มาห่อด้วยแป้งนุ่มๆ แล้วนำไปคลุกกับมะพร้าว กัดคำแรก ก็เรียกความฟินออกมาในทันที ต้องยกนิ้ว ให้กับความครีเอท ของเชฟเจ้าของสูตรเมนูนี้ ไปเลย แต่ทั้งนี้ ทางร้านได้เน้นย้ำว่า เมนูนี้ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงผลไม้ด้านในของหยกมณี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า ฤดูนั้น จะมีผลไม้ชนิดใด
“ร้านข้าว” มีอยู่ด้วยกัน 2 สาขา คือ สาขาเอกมัย ซอยเอกมัย 10 และ สาขาถนนวิทยุ ภายในโรงแรม โอเรียนเต็ล เรซิเดยซ์ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวัน โดยแบ่งเป็นมื้อกลางวัน เวลา 11.30-14.00 น. และ มื้อเย็น 17.30-22.00 น สามารถสำรองโต๊ะได้ที่ โทร. 0-2381-2575, 09-8829-8878 (สาขาเอกมัย) และโทร. 097 907 7777 (สาขาถนนวิทยุ)
#wpdevar_comment_3 span,#wpdevar_comment_3 iframe{width:100% !important;} #wpdevar_comment_3 iframe{max-height: 100% !important;}