บริษัทวิจัยสิงคโปร์เผย ในปี 2024 ธุรกิจจีน 60 รายบุกปักธงร้านอาหาร-เครื่องดื่มกว่า 6,100 แห่งทั่วอาเซียน โดยหนาแน่นสุดในสิงคโปร์และมาเลเซีย
สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย เผยผลสำรวจของ โมเมนตั้ม เวิร์ค (Momentum Works) บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจสัญชาติสิงคโปร์ พบว่า ณ เดือนธันวาคม 2024 บรรดาธุรกิจจีนกว่า 60 ราย อาทิ มี่เสวี่ย (Mixue), ลัคกิ้น คอฟฟี่ (Luckin Coffee), ไหตี่เลา (Haidilao) และอื่น ๆ มีสาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมกันมากกว่า 6,100 แห่ง ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นถึง 3.3 เท่าจากจำนวน 1,800 แห่ง เมื่อปี 2022
โดยสิงคโปร์ และมาเลเซีย มีจำนวนร้านอาหาร-เครื่องดื่มจีนมากที่สุด ขณะที่ อินโดนีเซีย และเวียดนาม มีจำนวนร้านอาหาร-เครื่องดื่มจีน โดยเฉาะแบรนด์ระดับแมส คิดเป็นประมาณ 2 ใน 3 ของทั้งภูมิภาค
สำหรับสาเหตุที่ธุรกิจจีนบุกเข้ามาปักธงสาขาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น เจียงกาน ลิ (Jianggan Li) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ โมเมนตั้ม เวิร์ค ให้ความเห็นว่า เป็นเพราะระยะทางที่ใกล้ และวัฒนธรรมที่คล้ายกับจีน ช่วยให้สามารถหาหุ้นส่วนทางธุรกิจได้ง่าย
การแข่งขันดุเดือด และสภาพเศรษฐกิจในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นอีกปัจจัยกระตุ้นสำคัญ โดยรายงานฉบับนี้เปิดเผยว่า เมื่อปี 2024 เพียงแค่ช่วง 6 เดือนแรก มีร้านอาหารในจีนแผ่นดินใหญ่ปิดตัวไปมากกว่า 1,000,000 แห่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปี 2023 ถึง 70% เนื่องจากการแข่งขันดุเดือด และสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว
“การแข่งขันดุเดือดกระตุ้นให้แบรนด์อาหารเครื่องดื่มสัญชาติจีนหลายแห่งพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในทุกองคาพยพและมองไปไกลกว่าตลาดในประเทศเพื่อแสวงหาโอกาสในการเติบโต”
ตรงข้ามกับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แม้ตลาดร้านอาหารจะมีขนาดเพียง 17% ของจีน แต่การแข่งขันก็น้อยกว่าด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การทานอาหารนอกบ้านกำลังกลับมาคึกคัก โดยเมื่อปี 2023 การทานอาหารนอกบ้านในสิงคโปร์ เวียดนาม ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย มีมูลค่ารวมกันกว่า 1.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่ามูลค่าช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่ 1.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปี 2024 ยังไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการออกมา แต่คาดว่ามูลค่าจะอยู่ที่ 1.32 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนถึงโอกาสทางธุรกิจ
ในส่วนของยุทธศาสตร์ที่แบรนด์จีนนิยมใช้ทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น การคอลลาบอเรชั่นกับแบรนด์ท้องถิ่น เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ยอดนิยม ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนธันวาคม 2024 ลัคกิ้น คอฟฟี่ จัดแคมเปญร่วมกับหมีเนย และทำเครื่องดื่มพิเศษในธีมหมีเนยออกมา เป็นต้น
พร้อมกันนี้ โมเมนตั้ม เวิร์ค ให้คำแนะนำว่า แบรนด์จีนที่กำลังมองหาโอกาสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องเน้นไปที่กลยุทธ์โลคอลไลเซชั่นในด้านรูปแบบการดำเนินงาน การเลือกพันธมิตรและการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน
อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของ โมเมนตั้ม เวิร์ค เชื่อว่า การรุกคืบของแบรนด์จีนอาจไม่ทำให้ตลาดร้านอาหาร-เครื่องดื่มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท้าทายขึ้นมากนักเนื่องจาก ที่ผ่านมาตลาดมีผู้เล่นจำนวนมากอยู่แล้ว ส่วนผู้เล่นรายใหญ่มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยแบรนด์เล็กอาจได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้น แต่แบรนด์ใหญ่น่าจะสามารถปรับตัวและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของตนเองให้สูงขึ้นได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง