แม่น้องไฮเทควัย 3 ขวบ ร้องแพทยสภาหลังลูกชายป่วยรักษาตัว ร.พ.เอกชนสระบุรี แล้วเสียชีวิต


จากกรณีที่เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา แม่คาใจพาน้องไฮเทคลูกชายวัย 3 ขวบ ส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่สระบุรี หลังลูกมีอาการหอบหมอตรวจบอกหลอดลมอักเสบพ่นยาแล้วให้กลับบ้าน แต่เด็กกลับอาการหนักขึ้นต้องพาส่งรพ.อีกรอบ สุดท้ายหัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิต หมอระบุปอดอักเสบ ซึ่งแม่ของเด็กชายวัย 3 ขวบ คาใจ เวลาผ่านมา 9 เดือนคดีไม่คืบ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ขุดศพลูกน้อยวัย 3 ขวบ ผ่าพิสูจน์อีกครั้ง ก่อนจะเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับทางแพทยสภา

วันที่ 7 พ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา อ.เมือง จ.นนทบุรี พบว่าที่ร.ต.หญิง พัชญาวีร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี แม่ของน้องไฮเทค อายุ 3 ขวบที่เสียชีวิต เดินทางเข้าร้องแพทยสภาขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายที่เสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชแห่งหนึ่งในจ.สระบุรี

ว่าที่ร.ต.หญิง พัชญาวีร์ (แม่น้องไฮเทค) กล่าวว่า ระยะ 9 เดือนที่ผ่านมา มันนานมากแล้ว ตนจึงต้องลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่างเพื่อให้น้องได้รับความยุติธรรม วันนี้ตนเลยมาร้องแพทยสภาในเรื่องลูกของตน ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่จ.สระบุรี ตนอยากให้ทางแพทยสภาตรวจสอบในตัวแพทย์ที่ทำการรักษาว่ารักษาถูกต้องตามกระบวนการในการรักษาหรือไม่ ตอนแรกคุณหมอแจ้งว่าน้องเป็นหลอดลมอักเสบ แต่เมื่อมาตรวจอีกครั้งตอนน้องเสียชีวิตคุณหมอแจ้งว่าน้องเป็นปอดอักเสบ ซึ่งมันขัดแย้งกัน ตอนแรกตนเป็นคนถามคุณว่าต้องเอ็กซเรย์หรือเปล่า หมอบอกไม่ต้องเพราะน้องไม่ได้เป็นหนัก ตนจึงถามย้ำว่าปอดอักเสบกับหลอดลมอักเสบมันเหมือนกันหรือไม่ คุณหมอแจ้งว่าคล้ายกัน และน้องไม่ได้เป็นเกี่ยวกับโรคปอดด้วย คุณหมอจึงได้สั่งยาให้กลับมาทานที่บ้าน

ในวันนั้นหากคุณหมอแจ้งว่าน้องมีสิทธิการรักษาที่ไหนตนอาจจะเอาน้องไปรักษาและใช้สิทธิเพื่อที่จะเข้าแอดมิทนอนดูอาการ แต่น้องกลับมารักษาตัวที่บ้านซึ่งไม่มีอุปกรณ์การแพทย์และตนไม่มีความรู้ ถ้าน้องเป็นหนักมันเอาไม่ทันอยู่แล้ว และบ้านไกลจากโรงพยาบาล ตนอยากจะพูดว่าข้อมูลที่บอกว่าน้องเสียชีวิตมาก่อนมันเป็นข้อมูลเท็จอย่างนึง ตนเป็นคนอุ้มลูกเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินด้วยตัวเองยืนยันว่าน้องมีชีวิตอยู่ ตนเห็นใบรับรองแพทย์ ตนถามคุณหมอว่าน้องเสียเพราะอะไร คุณหมอแจ้งว่าน้องเป็นปอดอักเสบ ตนติดใจมากที่คุณหมอบอกน้องเสียมาก่อนแล้ว วันที่คุณหมอแจ้งว่าน้องเสียตนอยู่ในอาการช็อคตกใจมากรีบออกมาจากโรงพยาบาล ช่วงนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกับคุณหมอมาก ตนเลือกโรงพยาบาลนี้เพราะมั่นใจในการรักษาจึงนำลูกไปรักษาที่นั่น ไม่ได้ว่าโรงพยาบาลรัฐไม่ดีแต่การที่น้องเป็นหนักเข้าไปรักษาโรงพยาบาลเอกชนจะง่ายกว่า ยอมจ่ายค่ารักษาเอง น้องจะใช้สิทธิของคุณพ่อแต่เลือกจะใช้โรงพยาบาลนี้เพราะรักษามาตลอด ตนจะยังไม่ทำพิธีฌาปนกิจศพของน้องเพราะจะรอให้น้องได้รับความเป็นธรรมก่อน หากตนทำพิธีฌาปนกิจไปแล้วเรื่องยังไม่คืบหน้าตนก็ไม่มีหลักฐานในการไปต่อสู้เลย


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *