กรมการค้าต่างประเทศเผย อียูเห็นชอบปรับปรุงกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการติดฉลากออร์แกนิกสำหรับอาหารเพื่อสัตว์เลี้ยง ต้องมีส่วนผสมทางการเกษตรที่เป็นออร์แกนิกอย่างน้อย 95% จากเดิมต้อง 100%
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดี กรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า รัฐสภายุโรป หรือ อียู ได้มีการปรับปรุงกฎระเบียบ Regulation (EU) 2018/848 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ว่าด้วยการผลิตและการติดฉลากออร์แกนิกสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งบังคับใช้กับอาหารสัตว์และอาหารสัตว์เลี้ยง ครอบคลุมการผลิต การรับรอง การควบคุม การตลาด และการค้ากับประเทศที่สาม
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบการติดฉลากอาหารออร์แกนิกสำหรับมนุษย์บริโภค โดยกำหนดให้อาหารสัตว์เลี้ยงที่ติดฉลากออร์แกนิก จะต้องมีส่วนผสมทางการเกษตรที่เป็นออร์แกนิกอย่างน้อย 95% ของน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ จากเดิม ที่จะต้องมีส่วนผสมทางการเกษตรทั้งหมดเป็นออร์แกนิก
การปรับกฏเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรและผู้ผลิตเข้าสู่ตลาดอาหารสัตว์ออร์แกนิกได้มากขึ้น และเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคหาซื้ออาหารออร์แกนิกให้กับสัตว์เลี้ยงของตนได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจต่อสุขภาพและโภชนาการของสัตว์เลี้ยงให้กับผู้บริโภคในอียู โดยจะมีผลบังคับใช้ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ประกาศลง Official Journal และกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่านสำหรับผู้ผลิตสินค้าเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตาม 6 เดือน
ปัจจุบันสินค้าออร์แกนิกของไทยเป็นที่ยอมรับเรื่องคุณภาพและสามารถวางจำหน่ายในตลาดยุโรปได้ โดยผู้นำเข้าจะต้องได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ตามข้อกำหนดด้านมาตรฐานของสหภาพยุโรป และต้องขออนุญาตนำเข้าเป็นรายกรณีก่อนการนำเข้าทุกครั้ง
สำหรับหน่วยงานตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย เช่น 1.สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 2.สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ 3.องค์กรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภาคเหนือ 4.บริษัท ไบโอ อะกริเสิร์ช (ไทยแลนด์) จำกัด 5.CUC–Control Union Certifications และ 6.ECO–ECO Cert S.A. เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ไทยอยู่ระหว่างรอการพิจารณาขึ้นบัญชีเป็น EU’s third countries list เพื่อให้ได้การรับรองว่าระบบการผลิตและการตรวจสอบของไทยมีความเทียบเท่ากับ EU และเมื่อได้รับการขึ้นบัญชีดังกล่าวแล้ว ไทยสามารถลดขั้นตอนการนำเข้าสินค้าออร์แกนิกโดยไม่ต้องขออนุญาตนำเข้าทีละรายการจากหน่วยงานควบคุมของ EU ก่อนการนำเข้าในแต่ละครั้ง
ผู้ส่งออกอาหารออร์แกนิกสำหรับสัตว์เลี้ยงของไทย ต้องสร้างมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค พัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์โดยเน้นคุณภาพและความปลอดภัย สร้างภาพลักษณ์และความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ และผู้บริโภคกลุ่ม Pet Humanization ภายใต้ราคาที่จับต้องได้ เหมาะสมกับคุณภาพ
ปัจจุบันตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ออสเตรเลีย และอิตาลี ตามลำดับ โดยไทยเป็นผู้ส่งออกเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน อินเดีย และสหรัฐฯ
ในปี 2565 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง 98,594.85 ล้านบาท เป็นตลาดยุโรป 12,890.90 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.07% ของมูลค่าส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมด
ขณะที่ในช่วง 8 เดือน ปี 2566 (ม.ค.3ส.ค.) ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง 53,903.57 ล้านบาท ส่งไปยังตลาดอียู 6,099.21 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.32% ของมูลค่าส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
SHARE
FOLLOW US