ข้อมูลเบื้องต้น
นวนิยายเรื่อง ไม่เคยลืมรักเรา
ประพันธ์โดย ศศิวิรัล
อิมเมจใช้ประกอบความมโน
ฝากนิยายเรื่องใหม่แกะกล่องไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ คุณสาวๆ ที่น่ารักด้วยนะคะ
จะลงอีบุ๊กเร็วๆ นี้ ไรต์ซุ่มปั่นได้พอสมควรแล้วค่ะ แนวโรแมนติกดรามา พลอตย่อยง่าย ปมไม่ซับซ้อนจ้า
เดี๋ยวมาอัปให้ทดลองอ่านกันนะคะ
ฝากแอดแฟนกันด้วยน้าา นิยายอัปเดตจะได้อ่านทันใจค่ะ
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.2558
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ หรือคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด เพื่อการสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น
ชื่อ สถานที่ และเหตุการณ์เป็นเรื่องสมมติ ไม่มีอยู่จริง
บทนำ 1.1
บทนำ
“อู้วหูวว ตึกนี้ทำไมสูงจังค้า คุณแม่” น้ำเสียงของแม่หนูน้อยไม่ดังและไม่เบา ชี้ชวนให้คุณแม่แหงนเงยใบหน้าขึ้นมองยังยอดตึกสูง น้ำเสียงของลูกนั้นตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน
เสียงหวานๆ ของคุณแม่พูดคุยอะไรสักอย่างกับลูกสาวในอ้อมแขน ผู้คนที่เข้ามายืนหลบฝนใต้ชายคาของป้ายรถเมล์ ต่างพากันยิ้มด้วยความเอ็นดูหนูน้อยหน้าตาน่ารัก แป๋วแหวว ที่ช่างพูดชวนคุณแม่คนสวยคุยไม่หยุด
สองแม่ลูกเข้ามาหลบฝนที่ป้ายรถเมล์ ตึกอีกฝั่งถนนเป็นตึกแฝด ที่ลูกสาวตัวน้อยชี้นิ้วป้อมๆ ขึ้นไปยังยอดตึกสูง คนเป็นแม่แหงนใบหน้าขึ้นมองตาม ทำได้แค่ขานรับไปกับบทสนทนาของลูกสาวที่เจื้อยแจ้วไม่หยุด
“โตไปน้องจะสร้างตึกฉูงๆ ให้คุณแม่อยู่ดีไหมคะ”
“โอ้โฮ น้องเก่งจังเลยค่ะ แต่คุณแม่กลัวความสูงนี่สิคะ ทำไงดีน้า” อุ้มขวัญอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาว
“ม่ายต้องกลัวนะคะคุณแม่ พี่โอบจะคุ้มครองคุณแม่ไงคะ” น้องอิงอิงเอ่ยถึงพี่ชายฝาแฝดที่วันนี้ไม่ได้มาด้วย พี่โอบหรือน้องโอบเอื้ออยู่บ้านกับคุณป้า พี่สาวของอุ้มขวัญชื่ออ้อมใจ วันนี้คุณป้าไม่ได้ไปทำงานจึงช่วยดูพี่โอบให้ น้องอิงอิงเลยได้มากับคุณแม่สองคน
“ใช่ค่ะ พี่โอบเอื้อกับน้องอิงอิงของคุณแม่เก่งที่สุดเลยค่ะ”
คุณแม่คนสวยพูดคุยกับลูกสาวอย่างใจเย็น น้ำเสียงหรือก็แว่วหวานชวนให้ผู้คนที่รอรถเมล์และหลบฝนไปในตัว ต่างพากันอมยิ้มไปกับความน่ารักช่างคุยของแม่หนูน้อย ที่ชวนคุณแม่คุยไม่หยุด
กระทั่งฝนเริ่มซา รถเมล์สายที่จะผ่านห้องพักก็มาถึงพอดี อุ้มขวัญจึงพาลูกสาวขึ้นรถเมล์ โชคดีที่มีเบาะว่างสำหรับสองแม่ลูก
ลงจากรถเมล์อุ้มขวัญก็อุ้มพาลูกสาวเดินเข้าซอย มุ่งหน้าสู่ห้องพักที่อยู่เข้าไปในซอยไม่ไกลเท่าไรนัก โชคดีที่หอพักแห่งนี้ทางเข้ามีไฟส่องสว่างตลอดทาง และมีร้านรวงตั้งขายของยามค่ำคืนจึงทำให้ไม่เปลี่ยวจนน่ากลัวนัก
“น้องหยิบคีย์การ์ดให้คุณแม่หน่อยค่า” เธอล้วงหยิบเองไม่ถนัดเพราะถือทั้งของ อุ้มทั้งลูกขนุนน้อยๆ ที่เจ้าเนื้อไม่เบา
“น้องแปะให้นะคะ” เจ้าลูกขนุนน้อยๆ ของแม่นำคีย์การ์ดแตะทาบกับประตูเพื่อจะขึ้นลิฟต์
ลิฟต์พาสองแม่ลูกขึ้นมาถึงยังชั้นที่พักอาศัย ซึ่งอยู่ชั้นสามหอพักแห่งนี้มีทั้งหมดหกชั้น พอออกจากลิฟต์ก็ตรงไปยังห้องพัก พี่สาวเปิดประตูออกมาพอดี
“จะไปไหนพี่อ้อม แล้วน้องโอบเอื้อล่ะคะ”
“ก็เปิดประตูรับอุ้มนี่แหละ ตัวบอกพี่เองว่ากำลังขึ้นมา” เอ่ยตอบแล้วยื่นสองมือไปเพื่ออุ้มหลานสาว น้องอิงอิงก็โผตัวเข้าหาให้คุณป้าอุ้ม คุณแม่ปวดแขนแย่แล้ว น้องขอเดินเองคุณแม่ก็ไม่ยอม
“แล้วเป็นไง ได้งานไหม” สงสัยจะชวดสินะ ดูจากสีหน้า
“ไม่ได้สินะ ช่างมันไม่ได้ก็ยังมีที่ใหม่ พรุ่งนี้ไปที่ห้าง…นี้ เพื่อนพี่เป็นผู้จัดการร้าน เจ้าของก็ใจดีด้วย ให้โอกาสนักศึกษาที่หารายได้เสริม” สองพี่น้องไร้ญาติขาดมิตร มีกันแค่สองคนจริงๆ นับตั้งแต่บิดามารดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ญาติของทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีใครอ้าแขนรับหรือไยดีสองสาวพี่น้อง
อ้อมใจคนพี่จึงพาอุ้มขวัญออกจากบ้านที่ต่างจังหวัด เดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร มาหาเพื่อนสนิทของแม่ที่ได้ให้เบอร์โทรเอาไว้ ตอนที่ไปร่วมงานศพ สองพี่น้องวัยกำดัดกำลังโตเป็นสาว เพื่อนแม่คนนี้จึงเป็นห่วง กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย
สองสาวอ้อมใจกับอุ้มขวัญ เข้ามาอยู่ที่บ้านของเพื่อนแม่ ที่พวกเธอรู้จักแค่ชื่อว่าคุณน้าเดือนแรมหรือน้าเดือน ฐานะของน้าเดือนเป็นอย่างไรพวกเธอไม่รู้ พอได้เข้ามาเมืองหลวง มาหาคุณน้าเพื่อขอพึ่งใบบุญ นั่นจึงทำให้ได้รู้ว่าฐานะที่แท้จริงของคุณน้าเดือนแรมร่ำรวยมาก มีบริษัทใหญ่โต มีบ้านหลังใหญ่อยู่ มีรถหลายคัน
น้าเดือนให้พวกเธอสองพี่น้องอยู่เรือนหลังบ้าน ไม่ได้อยู่ที่ตึกใหญ่ ซึ่งก็ถูกใจสองพี่น้องที่ไม่ต้องไปอยู่ปะปนกับคุณๆ บนตึก อย่างไรพวกเธอก็แค่เด็กกำพร้าที่มีมาแต่ตัว
เดือนแรมใจดีให้ความเอ็นดูสองพี่น้องเอามากๆ มากเสียจนพี่น้องฝั่งสามีที่ไม่ชอบใจกาฝากอย่างอ้อมใจกับอุ้มขวัญ สองพี่น้องเด็กกำพร้าที่หน้าตาสะสวย พอได้มาอยู่ในฝูงหงส์ จากเด็กบ้านนอกก็แปรเปลี่ยนสภาพเป็นนางหงส์ สวยจนตะลึงทั้งพี่ทั้งน้อง
กระนั้นสองสาวก็อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่เคยตีตนเสมอพวกคุณๆ ที่เป็นลูกสาวลูกชายของน้าเดือน รวมทั้งลูกๆ ของพี่น้องฝั่งสามีคุณน้า แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อ้อมใจกำลังจะเรียนจบในระดับชั้นมอหก สองพี่น้องจึงอดทน
ถึงจะมีชีวิตอยู่อย่างลำบากใจจากกลุ่มคนที่ไม่ชอบหน้าสองพี่น้อง ในความอึดอัดคับข้องหมองใจ ก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้พอชุ่มชื่นหัวใจอยู่บ้าง อ้อมใจนั้นมีเพื่อนชายที่สนิทสนมคอยคุยให้กำลังใจ พ่อหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกชายคนรองของน้าเดือนนั่นเอง เขาคนนี้อายุมากกว่าหลายปี
ส่วนคนน้องอย่างอุ้มขวัญนั้น มีชายหนุ่มรูปงามที่บังเอิญได้รู้จักกัน เพราะเธอไปทำงานหารายได้พิเศษที่รุ่นพี่คนหนึ่งชักชวนไปทำ และเขาคนนี้ก็คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของสองพี่น้อง
เรื่องใหม่แกะกล่องค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
อีบุ๊กมาเร็วๆ นี้ค่ะ สถานะกำลังเขียนค่ะ ^^
บทนำ 1.2
“คิดอะไรอยู่ พี่นึกว่าหลับไปแล้ว” อ้อมใจที่เพิ่งคุยโทรศัพท์จนฝ่ายที่โทรมาวางสายไปแล้ว จึงได้กลับเข้ามาในห้อง เตรียมตัวที่จะเข้านอน เข้ามาก็เจอน้องสาวที่นั่งอยู่บนฟูกนอน แผ่นหลังพิงผนังห้อง ห้องนี้ไม่มีห้องนอน เป็นห้องโล่งๆ มีห้องน้ำ ส่วนครัวพวกเธอทำกันข้างหลังห้องตรงระเบียง
อันที่จริงที่หอมีเตียงนอนให้ แต่พวกเธอขอให้เจ้าของหอพักเอาออก แล้วขอซื้อฟูกนอนขนาดหกฟุตมาปูนอนเอง แล้วซื้อมาเสริมอีกสามฟุต พวกเธอสองคนนอนด้วยกัน ไม่ได้แยกฟูกใครฟูกมัน น้องสาวนอนชิดผนัง หลานแฝดทั้งสอง คนน้องสาวนอนฝั่งคุณแม่ ส่วนแฝดคนพี่ชายอย่างน้องโอบเอื้อนอนติดกับอ้อมใจ
จะบอกว่าสองสาวทั้งแม่และป้านอนประกบเจ้าแฝดเอาไว้ เจ้าของหอก็ใจดีกับพวกเธอ ทั้งคุณลุงคุณป้าเจ้าของหอรักและเอ็นดูสองแฝดเอามากๆ ยังเคยขอให้พวกเธออยู่ที่นี่ ไม่อยากให้ย้ายออก เพราะกลัวจะคิดถึงเด็กๆ
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ พี่อ้อมล่ะคะ เรื่องงานยังแฮปปี้อยู่ไหมคะ” อุ้มขวัญรู้มาว่าพี่สาวไม่กินเส้นกันกับพนักงานคนใหม่ ที่ฝากฝังกันเข้ามา คนเป็นพี่เปรยๆ ให้ฟังว่าเบื่ออยากเปลี่ยนงานใหม่ ถ้าไม่ติดว่าที่นี่ให้เงินเดือนสูงละก็ พี่คงลาออกและหางานใหม่ทำไปแล้ว
“ก็อย่างที่รู้ๆ นั่นแหละ บางทีพี่อาจจะออกมาทำออนไลน์อย่างเต็มตัว เงินเก็บก็พอมีบ้างแล้ว พี่ว่าจะเอาเงินซื้อรถเอาไว้ไปรับไปส่งสองแฝดไปเรียนไง”
“จะดีเหรอคะ ทั้งเรื่องรถ ทั้งเรื่องออกจากงาน รอให้อุ้มเรียนจบก่อนดีกว่าไหมคะ ถึงตอนนั้นพี่ค่อยออก ให้อุ้มไปทำงานประจำบ้าง พี่อ้อมก็อยู่บ้านขายของออนไลน์”
“มันก็ดีอยู่ แต่พี่เบื่อไง เบื่อสังคมหน้ากาก พวกหน้าอย่างใจอย่าง เชื่อไหมพวกมันหาว่าพี่อ่อยบอส จะจับบอส เฮอะ อีวอกทั้งหลายเอ๊ย มีแต่บอสสิจะจับพี่ รู้ไหมว่าบอสไม่ยอมให้พี่ออก ถึงขั้นจะโยกให้พี่มาเป็นเลขาเบอร์สองเลยนะ” อ้อมใจเล่าอย่างออกรส คนน้องก็ฟังไปด้วยยิ้มตามไปด้วย ลืมเลือนเรื่องที่ขบคิดไปเลย
“หูย แล้วพี่ทำไมไม่เอาคะ พี่อ้อมเงินเดือนก็ต้องขึ้นด้วยไหม” เดิมเงินเดือนพี่ก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าได้เลื่อนจากตำแหน่งผู้ช่วยเลขา ขึ้นไปเป็นเลขาเบอร์รองจากเบอร์หนึ่ง เงินเดือนก็ต้องขึ้นตามไปด้วยสิ
“ไม่อะ พอได้เบื่อ มันก็ไม่อยากอยู่แล้ว เออนี่ พี่ลืมเล่า พี่ได้เจอลูกสาวยัยป้ามหาภัยนั่นด้วยนะ เวรกรรมนี่มันมีจริงทำงานไว ทำกับน้องพี่เอาไว้ยังไง สุดท้ายมันเองนั่นแหละได้รับกลับคืนไปอย่างหนักหน่วง สาสมยิ่งกว่าอุ้มหลายเท่าตัวเลยเหอะ”
อ้อมใจไม่ได้มองดูสีหน้าของน้องสาวเลยสักนิด เธอเอ่ยเล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้มาเกี่ยวกับครอบครัวของญาติฝั่งสามีของน้าเดือน พอเล่าจบแล้วน้องเงียบ นั่นล่ะเธอถึงได้หันไปมองหน้าน้องสาวอย่างจริงจังค้นคว้า
อุ้มขวัญสีหน้าดูไม่ดีนัก ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกับอีกคนที่ไม่ได้เอ่ยถึงหรือไม่ “อุ้มเป็นอะไร” ถามด้วยความเป็นห่วง
“ได้ข่าวเขาคนนั้นใช่ไหม” น้องสาวพยักหน้ายอมรับ
“อุ้มกลัวค่ะพี่อ้อม” บอกไม่ถูกเลยว่ากลัวอะไรบ้าง กลัวเขาหาเธอเจออย่างนั้นหรือ ไม่น่าใช่ กลัวเขารับรู้ถึงผลผลิตความรักของสองเราอย่างนั้นหรือ ข้อนี้ก็ยิ่งไม่ใช่
“อุ้มไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไงกันแน่” อุ้มขวัญยังคงเอื้อนเอ่ยต่อไป ฝ่ายพี่สาวยิ่งย่นคิ้วด้วยความสงสัย
“หมอนั่นกลับมาแล้วใช่ไหม” น้องไม่ตอบ อ้อมใจจึงไม่รอช้าที่จะค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง นำมือถือขึ้นมาปัดหน้าจอเพื่อเข้าโซเชียล เลื่อนหาเว็บข่าวบันเทิง กอสซิป ซุบซิบคนดังดารา-ไฮโซ
แล้วเธอก็เจอกับภาพข่าวที่เพิ่งจะลงวันนี้เอง
“เปิดตัวหนุ่มข้างกายคุณริต้า สริตา ดีกรีไม่ธรรมดานะจ๊ะคนนี้ ทั้งคู่ควงคู่กันสวีทหวานที่โมร็อกโก ก่อนจะเดินทางกลับไทยด้วยกัน เพื่อเตรียมตัวหมั้นหมาย งานหมั้นจะมีขึ้นเมื่อไรนั้น จะมาอัปเดตอีกทีจ้า” พร้อมกับรูปอีกนับสิบรูปของคู่รักไฮโซ ที่ช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
แบบนี้สินะน้องสาวเธอถึงได้ซึมเศร้าลงทันตา อ้อมใจได้แต่ส่ายหน้า อาการแบบนี้ไม่ได้กลัวหรอก มันคืออาการของคนหมดหวัง สิ้นหวัง สิ้นแล้วจากที่เคยวาดหวังเอาไว้
“อย่ากลัว อย่าคิดมากนะ เรามาไกลแล้ว อยู่มาได้ตั้งนานแล้วนะอุ้ม พี่ไม่รู้จะพูดยังไงดี” เธอเองไม่ได้มีลูกติดท้องมาอย่างน้อง ความรู้สึกย่อมต่างกัน อุ้มขวัญย่อมมีความผูกพันกับพ่อของลูก
“ช่างเถอะค่ะ อุ้มคงอ่อนไหว ประจำเดือนยังไม่มา เรานอนกันเถอะค่ะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า พรุ่งนี้ก็เช้าแล้วคิดไรมาก”
เธอกล่าวติดตลก ก่อนที่สองพี่น้องจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน จากนั้นจึงพากันเข้านอน อุ้มขวัญนอนกอดลูกสาว ฝ่ายพี่สาวนอนกอดลูกชายของเธอที่นอนหลับสนิท ส่งเสียงกรนเบาๆ
ก็จริงอย่างที่พี่อ้อมบอก เธอมาไกลแล้ว อยู่มาได้ตั้งนาน ปิดหูปิดตาไม่รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคนคนนั้นมาได้ตั้งนาน แล้วจู่ๆ เกิดมาหวั่นไหว เพียงเพราะเผลอเข้าไปเห็นข่าวนั้นโดยไม่ตั้งใจ เขาแทบไม่เคยมีภาพข่าวเกี่ยวกับหวานใจให้ได้เห็น แทบไม่ออกสื่อเลยก็ว่าได้ คนนี้คงเป็นตัวจริงสินะ เขาถึงยอมให้ลงข่าวอะไรแบบนี้
พบกันใหม่ตอนต่อไปนะคะ
ตอนที่ 1 (1)
#ไม่เคยลืมรักเรา ตอนใหม่ ตอนที่1.1มาแล้วค่ะ
ตอนที่ 1
“ไงเรา ตกลงที่จะหมั้นกับน้องได้จริงๆ แล้วใช่มั้ย” คุณแม่คนงามเอ่ยถามเจ้าลูกชาย ที่ได้ยินคำถามแทนที่จะกระตือรือร้นที่จะตอบรับ แต่เปล่าเลย เจ้าตัวดีของแม่กลับทำหน้านิ่งไม่อินังขังขอบ
“ภาสน์แม่ถาม” คุณแม่ยังไม่ยอม เธอจะต้องรู้คำตอบให้ได้ ลูกชายสุดหล่อที่เพิ่งทรุดร่างลงนั่งบนเก้าอี้ เพื่อรับประทานอาหารมื้อเช้าก่อนจะออกไปทำงาน ถึงกับทำหน้าเมื่อย
“เอาน่าคุณ ให้ลูกมันกินข้าวกินปลาก่อน เรื่องนั้นน่ะยังไงของมันแน่อยู่แล้ว ใช่มั้ยไอ้ลูกชาย” ผู้เป็นพ่อประมุขของบ้าน ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะตัดบทเปลี่ยนเรื่องที่ชวนให้เข้าประเด็นที่น่าเบื่อหน่าย
พอกันแม่กับลูก แม่ก็อยากให้ลูกตกล่องปล่องชิ้นมีเมียสักที ลูกก็ไม่มีท่าทีอันใดที่บ่งบอกว่าจะทำตามใจแม่ได้สักทีเช่นกัน ส่วนตัวเขานั้นไม่ได้เร่งเร้าหรือบังคับใจลูกเท่าไร ไม่ว่าจะลูกคนไหน คนเป็นพ่อมักจะให้อิสระเสรี ได้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าตามแต่ใจลูกว่าจะหยุดและหาคู่ครองคนรักตอนไหน
“พี่เพ็บ พรีมขอติดรถไปทำงานด้วยได้มั้ยคะ” ภคนางค์ผู้มาที่โต๊ะอาหารเป็นรายต่อมา มาถึงก็รีบอ้อนพี่ชายที่กำลังใช้ช้อนคนกาแฟหอมกรุ่นที่ควันร้อนๆ พวยพุ่งลอยขึ้นมา สาวเจ้าไม่ได้สนใจสีหน้าของพี่และคุณแม่ เลยไม่รับรู้ถึงบรรยากาศติดจะอึมครึม
พี่เพ็บเป็นอีกชื่อของพี่ภาสน์ของเธอนั่นแหละ ชื่อเพ็บส่วนใหญ่จะเรียกกันแค่คนในครอบครัว เครือญาติที่สนิทกัน และเพื่อนๆ ของพี่เท่านั้น นอกนั้นจะรู้จักเขาในชื่อภาสน์ คุณแม่เรียกภาสน์ไม่เรียกเพ็บอีกเลยหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนั้นมาได้
“ยัยพรีมเดี๋ยวเถอะ แม่บอกเราว่าไง” นั่นปะไรล่ะ
คุณแม่หันมาเล่นงานเธอเข้าแล้ว แต่ใครสนล่ะ ก็คนมันชินเรียกชื่อนี้นี่นา “พรีมชอบชื่อนี้ของพี่นี่คะ แล้วนี่พี่พลับล่ะคะ ยังไม่ลงมาอีกเหรอ” พี่พลับเป็นพี่ชายอีกคนที่เป็นฝาแฝดกับพี่เพ็บ ทั้งสองคนเป็นฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันมาก แทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร จุดสังเกตว่าคนไหนพี่เพ็บ คนไหนพี่พลับ ให้ดูที่ติ่งหูข้างขวา จะมีไฝเม็ดเล็กๆ สองเม็ดคนนี้คือพี่เพ็บ พี่พลับไม่มีไฝที่ติ่งหู
แต่พวกเธอคนในครอบครัวจะแยกออกเพราะเห็นกันอยู่ทุกวัน ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับพี่เพ็บ จึงทำให้มีจุดสังเกตเพิ่มขึ้นมาอีกนั่นก็คือรอยสักที่หลังมือ พี่สักทับรอยแผลเป็นบนหลังมือเอาไว้
“มาโน่นแล้วไง” คุณกำธรหันไปเห็นเจ้าลูกชายฝาแฝดอีกคนที่อยู่ในชุดสูทเตรียมพร้อมที่จะไปทำงาน เดินยิ้มร่ามุ่งหน้ามายังโต๊ะรับประทานอาหาร จึงบอกให้ลูกสาวคนเล็กหันไปมอง
“พี่พลับมาค่ะ นั่งลงกินข้าว เมื่อคืนพี่กลับถึงบ้านตอนไหนคะ” หนูพรีมของพี่ๆ หันไปอ้อนพี่ชายอีกคน เรียวปากบางชักชวนพูดคุยถึงงานปาร์ตี้เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
สองพี่น้องสนทนากันไปตักข้าวต้มกินไป สารพัดเรื่องราวที่น้องนุชสุดท้องจะหามาพูดคุย เรียกรอยยิ้มให้กับคนเป็นพ่อแม่ รวมไปถึงบรรดาข้าเก่าเต่าเลี้ยงที่อยู่คอยรับใช้ไม่ห่างจากโต๊ะอาหารนัก
คนที่เงียบขรึมไม่ช่างพูด มีรอยยิ้มบางๆ ก็เห็นจะมีแต่แฝดคนพี่อย่างภัทรชนนหรือภาสน์ของแม่ พี่เพ็บของน้องพรีมล่ะนะ
เสร็จสิ้นจากมื้ออาหารเช้าที่สมาชิกในครอบครัวได้รับประทานร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ลูกๆ ทั้งสามก็ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานที่แต่ละคนได้ดูแลรับผิดชอบ ตามที่ผู้เป็นพ่อได้มอบหมายให้บริหารจัดการตามที่ได้ร่ำเรียนมา ภคนางค์นั่งรถไปกับภานุกรพี่ชายแฝดคนน้อง ส่วนแฝดคนพี่รายนั้นน่าจะไปรับแฟน
พอรถวิ่งออกจากรั้วบ้านมาไกลแล้ว พลขับที่เข้าใจว่าตนจะต้องขับรถไปที่คฤหาสน์หลังงามของว่าที่คู่หมายของเจ้านาย จึงตบไฟเลี้ยวเตรียมเบนรถชิดขวาเพื่อรอเลี้ยวยูเทิร์น
“ไปที่ห้างเลย” จุ่ๆ น้ำเสียงทุ้มเข้มก็เอ่ยขึ้น
“ไปห้าง ฉันมีงานแต่เช้า” พลขับมีท่าทีลังเล ก่อนจะทำตามคำสั่งเจ้านายที่ได้สำทับมาอีกหน ไอ้เราก็นึกว่าจะไปรับคุณริต้า ก็เห็นคุณๆ พูดกันแบบนั้น ทำเกินหน้าที่รู้ดีไปอีกสิมึงไอ้เชน ดีแค่ไหนแล้วที่คุณภาสน์ไม่ด่าหัวเอาน่ะ
จากนั้นในห้องโดยสารก็มีแค่น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเจ้านายรูปหล่อ ที่คุยสายกับเลขาคนสนิทถึงเรื่องงานที่จะไปทำในวันนี้ พอวางสายจากเลขาทรงประสิทธิภาพ สายต่อมาก็โทรเข้าทันทีราวล่วงรู้
“ครับ…” สั้นๆ คำเดียว แต่ดูเหมือนว่าฝั่งคนโทรมาจะไม่ได้คิดเยอะหรือถือสาความพูดน้อยของหนุ่มหล่อผู้นี้กระมัง
เพราะที่ได้ยินเสียงหวานๆ ดังเจื้อยแจ้วลอดลำโพงโทรศัพท์มือถือราคาแพง ถึงจะจับใจความไม่ได้ แต่พลขับผู้ทำหน้าที่ขับรถพาเจ้านายหนุ่มไปในทุกๆ ที่ที่เจ้านายต้องการจะไปอย่างเขาได้ยิน ในใจเริ่มแอบคิดถึงคำพูดของแม่ ที่เป็นแม่ครัวเบอร์สองลองจากแม่ครัวใหญ่
‘จริงๆ แล้วแม่ว่าคุณเพ็บน่าจะยังไม่ลืมรักแรก ส่วนคุณริต้าที่ผู้ใหญ่เห็นควรชักพาให้มารู้จักกัน แม่คิดว่าคุณเพ็บของแม่ไม่ได้รักได้ชอบหรอก’ รักแรกของคุณเพ็บ เขาเองที่เพิ่งมาจากบ้านต่างจังหวัด เข้ามาทำงานอยู่ที่บ้านคุณกำธร จะบอกว่ามาไม่ทันเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นของพวกคุณๆ เขา ได้มารู้ก็จากปากแม่นี่แหละ
ภัทรชนนวางสายจากแฟนสาวที่เขาเห็นว่าคู่ควร ตามคำของผู้ใหญ่ สริตาโทรมาชวนเขาไปงานอีเวนต์
ชาลินีเลขาทรงประสิทธิภาพของเขา รีบเดินนำหน้าไปเปิดประตูห้องทำงาน ทันทีที่เห็นเจ้านายหนุ่มมาถึงแล้ว
“ชาชงกาแฟให้นะคะ รับกาแฟดำเหมือนเดิมเนอะ” กับเจ้านายยามที่อยู่ด้วยกันสองคน มักจะพูดคุยเป็นกันเองแบบนี้ ภัทรชนนไม่ใช่คนดุหรือเจ้าระเบียบ เขาแค่หน้านิ่งไม่ค่อยยิ้มก็เท่านั้น พนักงานที่ไม่ได้สนิทสนมกับเขา เลยพากันคิดว่าเขาเป็นคนดุ
“เติมน้ำผึ้งลงไปด้วยสองช้อนครับชา” สูตรนี้ก็มาสินะ
“ได้ค่ะบอส” สูตรที่ว่านี้มีแค่ชาลินีเท่านั้นที่รู้ อ้อ คุณบอสเคยหลุดปากเล่าให้ฟังตอนที่เข้ามาบริหารงานที่นี่ใหม่ๆ
รู้สึกว่าภัทรชนนเคยบอกว่าสูตรชงกาแฟนี้ เป็นสูตรไม่ลับ แต่คนที่ชงให้เขากินเป็นคนในใจเขา ซึ่งเป็นใครเธอเองก็ไม่เคยถาม ให้เดาก็คงจะเป็นคุณริต้าไหมล่ะ ทั้งคู่คบหาเป็นแฟนกันตั้งแต่อยู่เมืองนอกด้วยกัน
“มาแล้วค่ะบอส” ชาลินีกลับออกมาจากห้องครัวเล็กภายในห้องทำงานของเจ้านาย ร่างระหงก้าวเดินฉับๆ อย่างคล่องแคล่ว กาแฟแก้วโปรดก็มาวางอยู่บนโต๊ะทำงาน ตรงหน้าคุณเจ้านายสุดหล่อที่สาวๆ ทั้งสองตึกพากันหวีด กรีดร้องให้กับคุณบอสเจ้าชายน้ำแข็ง ที่หน้าหล่อๆ มักจะไร้รอยยิ้ม
หน้านิ่ง แต่มีรอยสักบนหลังมือขวา โอยๆ กร้าวใจเบอร์นี้จะไม่ให้แม่ชะนีพวกนั้นกรี๊ดได้อย่างไรกัน
“ที่ห้างเราวันนี้มีงานอีเวนต์เหรอ” คำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยเอ่ยขึ้น เล่นเอาชาลินีถึงกับงงและตามอารมณ์คุณบอสไม่ทันเอาเสียเลย
“อ่า น่าจะมีค่ะ เดี๋ยวชาเช็กให้ค่ะคุณภาสน์” มือเรียวสวยนำมือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความส่งไปในไลน์ ไม่นานคำตอบที่เจ้านายถามก็มาอยู่ในห้องแชตเรียบร้อยแล้ว “ใช่ค่ะบอส”
ชื่อพระเอก ภัทรชนน อ่านว่า พัด-ชะ-นน
พบกันใหม่ตอนต่อไปนะคะ