‘อนุชา’ ดัน นาขุนไกรโมเดล เปลี่ยนพื้นนา ปลูกหญ้า-เลี้ยงสัตว์ สร้างรายได้


‘อนุชา’ ลุยสุโขทัย ดันนาขุนไกรเป็นโมเดล เน้นใช้แผนที่เกษตร เปลี่ยนพื้นที่นา มาปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ สร้างรายได้ให้เกษตรกร

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่บ้านเขาดินไพรวัลย์ ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริการจัดการเชิงรุก (Agri-Map) และพบปะกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว ว่า กระทรวงฯ ได้ขับเคลื่อนโครงการสำคัญ คือ Zoning by Agri-Map เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตในพื้นที่เหมาะสมน้อยหรือไม่เหมาะสม เพื่อที่เกษตรกรจะปรับเปลี่ยนไปผลิตสินค้าอื่นที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าชนิดเดิม

“สุโขทัยมีการใช้ประโยชน์และความเหมาะสมของดินเพื่อการเพาะปลูก แบ่งเป็น พื้นที่ทําการเกษตรที่เหมาะสม 548,720 ไร่ และพื้นที่ทําการเกษตรที่ไม่เหมาะสม 301,002 ไร่ ในส่วนของ อ.ศรีสำโรง มีสภาพพื้นที่แห้งแล้ง ดินขาดความสมบูรณ์ ซึ่งเดิมเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ใช้ต้นทุนสูง แต่ผลผลิตน้อย และประสบปัญหาภัยแล้งเป็นประจำ มีน้ำไม่เพียงพอกับภาคเกษตรและการอุปโภคบริโภค” นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับแปลงของ นายยุทธนา ทัยบุตร เดิมพื้นที่ปลูกข้าว ทั้งหมด 11 ไร่ พื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว ซึ่งเป็นการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว มีรายได้ปีละครั้ง พื้นที่มีปัญหาขาดแคลนน้ํา ปลูกข้าวไม่ได้ผลผลิต ซึ่งต่อมาหมอดินอาสา ได้ให้คำแนะนำให้เข้าร่วมโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก ปรับเปลี่ยนจากข้าวเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ จํานวน 11 ไร่

โดยปัจจุบัน เลี้ยงวัว จํานวน 50 ตัว มีการใช้ประโยชน์ที่ดิน แบ่งเป็น 1. ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ จํานวน 7 ไร่  2. ที่อยู่อาศัย และสระน้ำ จํานวน 2 ไร่ 3. คอกวัว จํานวน 2 ไร่ หรือ 50 ตัว จากการเข้าโครงการฯ ทำให้มีรายได้จากการขายหญ้าแพงโกล่า ไร่ละ 4,000 บาท 1 ปี ขายได้ 3 รอบ ทำขาย 3 ไร่ เป็นเงิน 36,000 บาทต่อปี โดยกรมพัฒนาที่ดินได้เข้าการดําเนินการขุดสระน้ําในไร่นานอกเขตชลประทาน ขนาด 1,260 ลูกบาศก์เมตร จํานวน 2 บ่อ จัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ําโดยการปรับพื้นที่แบบมีคูน้ําความยาว 120 เมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ

นายอนุชา กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานในพื้นที่ ที่ผ่านมาเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ มีความพึงพอใจมาก เนื่องจากได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นที่ สามารถกักเก็บน้ำมีแหล่งน้ำในช่วงหน้าแล้งหรือทำเกษตรผสมผสาน ได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต เกิดรายได้เสริม และลดค่าอาหารในครัวเรือนได้ ส่งผลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ จะสนับสนุนให้ ต.นาขุนไกร เป็นโมเดลต้นแบบของจังหวัดสุโขทัยต่อไป

“เกษตรกรไทยส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา ซึ่งการเปลี่ยนอาชีพมาเลี้ยงโคคณิตศาสตร์ เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ใช้เวลาเพียง 3 ปี ก็สามารถคืนทุนได้ ผมจึงอยากเห็นพี่น้องเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นกำลังซื้อส่วนใหญ่ของประเทศสร้างเงิน สร้างรายได้ จากเงินบาทแรกของแผ่นดิน เพื่อหลุดพ้นจากความยากจน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะต้องหาแนวทางทำอย่างไรให้เกษตรกรไทยปรับเปลี่ยน ให้ลูกหลานเกษตรกรไทยมีรายได้อย่างยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว

QR Code

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่

Line Image


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *