คนส่วนใหญ่ในจีนไม่รับประทานเนื้อแมว แต่สัตว์น่ารักเหล่านี้กลับถูกฆ่าเอาเนื้อเพื่อนำไปทำอาหาร ประมาณ 4 ล้านตัวต่อปี ตามตลาดผิดกฎหมายหลายแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และที่อื่น ๆ ตามรายงานขององค์กร “ฮิวเมน โซไซตี อินเตอร์เนชั่นแนล” (เอชเอสไอ)
ภารกิจตามหาต้าไป๋ นำพาฮั่นไปยังโรงงานแปรรูปในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งที่นั่น เธอได้เห็นซากแมวที่ถูกถลกหนังกองอยู่ในลัง และกระสอบที่เต็มไปด้วยขนแมว อีกทั้งเธอยังพบร้านอาหารหลายแห่งในหมู่บ้านที่โฆษณาขายเนื้อแมวอย่างโจ่งแจ้ง และผู้ขายไร้ศีลธรรมที่ส่งเนื้อแมวในลักษณะของเนื้อแกะ หรือเนื้อกระต่าย
ตอนนั้น ฮั่นต้องยอมรับความจริงว่าแมวของเธอจากไปแล้ว และในตอนนี้ เธอมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือแมวตัวอื่นที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งเธอใช้เวลาในปีที่ผ่านมา ยื่นรายงานให้ตำรวจ แกะรอยหัวขโมย และส่งคำร้องไปยังรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง
แม้ภารกิจดังกล่าวมีความอันตรายจนทำให้ฮั่นได้รับคำขู่ฆ่าจากผู้ค้าเนื้อแมว ซึ่งเธอหวาดกลัวมาก และคิดที่จะล้มเลิกความพยายาม แต่เธอก็ไม่ทำเช่นนั้น เพราะเธอมองว่า มันอาจไม่มีใครที่ช่วยชีวิตแมวให้พ้นจากสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นได้
ฮั่นเป็นหนึ่งในคนกลุ่มเล็ก ๆ ในจีน ที่อุทิศตนเพื่อต่อสู้กับการทารุณกรรมแมวและสุนัข ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันในวงกว้าง เนื่องจากการจับสัตว์เลี้ยงที่อยู่นอกบ้าน ไม่ถือเป็นการโจรกรรมในจีน และถึงแม้จะมีกฎหมายห้ามการบริโภคแมว แต่ผู้ฝ่าฝืนกลับถูกปรับ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของอาหาร แทนที่จะถูกลงโทษในข้อหาทารุณกรรมสัตว์
เมื่อเดือนที่แล้ว ฮั่นและนักช่วยเหลือสัตว์คนอื่น พร้อมตำรวจในพื้นที่ สามารถสกัดรถบรรทุกที่มีแมวนับพันตัว จากเมืองจางเจียกั่ง ในมณฑลเจียงซู หลังพวกเธอสังเกตเห็นแมวจำนวนมากถูกขังอยู่ในลังไม้ ภายในสุสาน และเฝ้าติดตามพวกมันเป็นเวลาหลายวัน จนแมวเหล่านี้ถูกนำขึ้นบรรทุก เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา และนำมาสู่ปฏิบัติการช่วยเหลือแมวในที่สุด
ด้านนายกู่ หมิง จากสถานสงเคราะห์ซึ่งดูแลแมว กล่าวว่า แมวจำนวนมากที่ได้รับการช่วยเหลือในเมืองจางเจียกั่ง มีสภาพแขนขาหัก เพราะน้ำหนักกดทับของแมวหลายร้อยตัว จนถึงขณะนี้ มีแมวหลายสิบตัวตายจากอาการบาดเจ็บ และการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในแมวกลุ่มนี้
กู่ กล่าวว่า เขารู้สึกประทับใจที่คนรักสัตว์จำนวนมากให้ความช่วยเหลือ หลังเห็นรายงานเกี่ยวกับแมวจากเมืองจางเจียกั่ง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็พูดเสริมว่า มันจำเป็นต้องมีการผลักดันให้มีกฎหมายระดับชาติ เพราะกฎหมายที่ขึ้นอยู่กับบุคคลหรือกลุ่มบางกลุ่มนั้น ไม่ตอบสนองต่อสภาพความเป็นจริง.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP