กระทบแล้ว ชาวบ้านตระเดือดร้อนหนัก ร้องถนนพัง หลังจาก จนท.ตามล่า ‘เสี่ยแป้ง’ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาซ่อมแซม หลังเกิดเหตุไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ ไม่ได้กรีดยาง กลัวจบปฏิบัติการแล้วทิ้งภาระไว้กับชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่หน้าน้ำตกโตนตก ตัวแทนชาวบ้านชุมชนบ้านตระทั้งผู้ใหญ่และเด็กประมาณ 30 คน หมู่ 2 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่เหนือน้ำตกโตนตก เทือกเขาบรรทัด ทางขึ้นสู่บ้านตระ นำโดย นายล่อง รวมตัวร้องเรียนผู้สื่อข่าว พร้อมนำผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบเส้นทางว่าได้รับความเดือดร้อนจากถนนเส้นทางเข้า-ออกหมู่บ้านตระพังเสียหายหลายจุด และเป็นดินโคลน จากการที่เจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามไล่ล่า นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ที่หนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในชุมชนบ้านตระ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบจึงนำกำลังเข้าไปปิดล้อมจับกุม และเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น แต่นายแป้งหลบหนีไปได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังจำนวนมากขึ้นไปบนเขาบรรทัดเพื่อติดตามไล่ล่านายแป้ง นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.เป็นต้นมา

รวมทั้งยังมีกองทัพนักข่าวเข้าไปติดตามทำข่าวอีกจำนวนมาก ต้องใช้รถจักรยานยนต์วิบากเช่นกัน ส่งผลให้ถนนคอนกรีต กว้างประมาณ 50-80 เซนติเมตร ที่ชาวบ้านช่วยกันสละเงินคนละเล็กละน้อยก่อสร้างเส้นทางให้รถจักรยานยนต์สามารถเข้า-ออกหมู่บ้านได้ อีกทั้งไว้สำหรับขนผลผลิตทางการเกษตรชำรุดเสียหายหลายจุด

ชาวบ้านหลายรายประสบอุบัติเหตุจักรยานยนต์ล้มได้รับบาดเจ็บ ส่วนถนนที่ยังเป็นเส้นทางเดิมที่ยังไม่ได้ลาดด้วยซีเมนต์ก็เละเทะเป็นดินโคลน เป็นหลุม เป็นแอ่งลึก ทำให้ชาวบ้านเดินทางด้วยความยากลำบาก ต้องประคองรถด้วยความระมัดระวัง เด็กนักเรียนบางคนล้มลงต้องกลับบ้าน ไม่สามารถเดินทางไปโรงเรียนได้

สำหรับถนนคอนกรีตแคบๆ ดังกล่าว ชาวบ้านบอกว่า ช่วยกันลงขันสร้างต่อเติมทีละเล็กละน้อย เพียงให้รถ จักรยานยนต์ของชาวบ้านสามารถวิ่งได้เท่านั้น แต่ขณะนี้ชำรุดและเป็นดินโคลน จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วยกันรับผิดชอบในการซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิม

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่าชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากเส้นทางเข้า-ออกหมู่บ้านที่พังเสียหาย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นช่วยเข้ามาซ่อมแซม หรือช่วยออกค่าปูนซีเมนต์ให้แก่ชาวบ้านได้ช่วยกันซ่อมแซม เพราะลำพังชาวบ้านไม่มีเงินจะไปช่วยกัน เพราะหลังเกิดเหตุไม่สามารถออกไปหาของป่า หาปลา หากบ ทำมาหากินได้ตามปกติ รวมทั้งไม่ได้กรีดยาง และฝนก็ตก

นายล่องกล่าวว่า จากการขึ้นไปสำรวจเส้นทางเข้า-ออกบ้านตระ พบว่าพังเสียหายมาก ชาวบ้าน เด็กนักเรียนรถล้มได้รับบาดเจ็บต้องไปหาหมอ บางคนต้องรักษาระยะยาว จะลงไปด้านล่างก็ยากลำบาก บางครอบครัวยอมออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกเพื่อให้เด็กๆ ได้ไปโรงเรียน เดือดร้อนมาก ทั้งนี้ สาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ขึ้นไปติดตามเสี่ยแป้งที่ชุมชนบ้านตระ โดยใช้รถจักรยานยนต์ขึ้น-ลงวันละหลายคัน ชาวบ้านห่วงกังวลว่าหลังจากนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ถอนกำลังไปแล้วจะทิ้งปัญหาไว้ให้ชาวบ้าน ซึ่งเป็นคนที่ใช้เส้นทางเข้า-ออกหมู่บ้านจะยากลำบาก ซึ่งมีทั้งชาวบ้าน คนแก่ คนป่วย นักเรียน และยังต้องใช้เป็นเส้นทางขนผลผลิตการเกษตร เพื่อไปขายด้านล่าง แลกกับข้าวสาร

นายล่องกล่าวต่อว่า ตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่ทราบว่ามีหน่วยงานไหนพอจะช่วยเหลือชาวบ้านได้ เพราะถนนดังกล่าวชาวบ้านรวบรวมเงินลงขันกันทำ ไม่มีหน่วยงานไหนช่วยเลย และถ้าหน่วยงานใดไม่ช่วย หลังจากนี้ไปชาวบ้านคงยังเครียดและคิดมาก เพราะไม่ทราบว่าจะพึ่งใคร

“รัฐบาลใช้งบประมาณในการติดตามไล่ล่าเสี่ยแป้งไปจำนวนมาก ควรจะช่วยเหลือชุมชนด้วย ชาวบ้านชุมชนบ้านตระเป็นชุมชนที่อาศัยอยู่กลางป่าจริง แต่มีกติกาชุมชนร่วมกันในการรักษาป่า ป่าจึงยังอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม ซึ่งชุมชนอื่นๆ คงไม่มีกติกาชุมชนในการดูแลป่าเหมือนชุมชนบ้านตระ

“ระยะทางจากน้ำตกโตนตกประมาณ 15 กิโลเมตร และเมื่อไปถึงร้านค้าสหกรณ์บ้านตระจะมีเส้นทางแยกอีก 3-4 สาย ซึ่งแต่ละสายจะมีบ้านเรือนชาวบ้านตั้งอยู่ทุกสาย ปรากฏว่าพังทั้งหมด ชาวบ้านเดิมมีประมาณ 300 ครัวเรือน แต่หลังจากเศรษฐกิจตกต่ำ ลูกหลานเรียนหนังสือในระดับมหาวิทยาลัยก็ไม่สามารถสื่อสารได้ จึงต้องออกไปพักอยู่ข้างล่าง ประกอบกับยาเสพติดระบาดทำให้พ่อแม่เป็นห่วง ต้องลงมาอยู่ด้านล่างเพื่อดูแลลูกหลาน ทำให้อาศัยอยู่จริงถาวรกว่า 50 ครัวเรือน” นายล่องระบุ

นายล่องกล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะยื่นหนังสือถึง จ.ตรัง ผ่านไปยังกระทรวงมหาดไทย และยื่นผ่านขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พี-มูฟ) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาแก้ไขปัญหาให้ รวมทั้งอาจจะยื่นกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากกรมราชทัณฑ์เป็นต้นเหตุ ปล่อยให้เสี่ยแป้งหลุดรอดออกมาจนต้องมาติดตามไล่ล่า จะทำหนังสือไปให้เข้ามารับผิดชอบด้วย

นายล่องกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะเรียกร้องให้ช่วยซ่อมแซมถนนให้แล้ว จะเรียกร้องให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการสื่อสารด้วย เพราะในชุมชนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ นอกจากนั้น ชาวบ้านยังร้องเรียนเรื่องปัญหาความเดือดร้อนจากการทำมาหากินไม่ได้ ทั้งหาของป่า หาปลา หากบ รวมทั้งกรีดยาง หากฝนหยุดตกก็กรีดยางไม่ได้ อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งถอนกำลัง เพื่อจะได้ทำมาหากินได้ตามปกติ