คอลัมน์การเมือง


นักดูหนังไทยและละครไทยทุกเพศวัย ต่างรู้แจ้งกระจ่างใจดีว่า “ตอนจบละครไทย” จะต้องจบแบบไหน? และจบอย่างไร? ทุกคน “เดาได้” อย่าง “สุดแม่น” ยิ่งกว่าโหรตาทิพย์และหมอดูตาเห็น

“เดาได้” อย่างสุดแม่นว่า “ละครไทยทุกเรื่อง” ต้อง“จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง”

ใครขืนสร้างละครไทยให้จบแบบ “โศกเศร้า หัวใจสลาย” ชนิด “พระเอกตาย นางเอกสิ้นชีวิต” ในขณะที่ “นางมารร้ายได้ดีเกินคาดฝัน ผู้ร้ายทั้งโขยงต่างแฮปปี้สุขสันต์”

“รับรองได้” ละครเรื่องดังกล่าว จะถูกผู้ชม “สวดกงเต๊กและสวดชยันโต” อย่าง “สุดกระหน่ำ” และทีมผู้สร้างหมดอนาคตในการผลิตละครไปตลอดกาล

เหลียวมาดู “หนังที่สร้างโดยฮอลลีวู้ด” บ้าง ถ้าเป็น“หนังชีวิต” ก็มีทั้ง “จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง” เป็น “ส่วนใหญ่”ที่ “จบแบบบีบหัวใจ” ถูกผลิตออกมาเป็น “ส่วนน้อย”

ในขณะที่ “หนังแอ๊กชั่นบู๊แบบมันซาดิสต์” ทุกเรื่อง“จบลง” แบบ “พระเอกเป็นฮีโร่คนเก่ง” ส่วน “ผู้ร้าย” ทั้งโขยง คือ “อัปรีย์ชน” ที่ถูกเชิญวิญญาณไปอยู่ “ขุมนรกทาร์ทารัส”

“ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูชีวิตจริง” คนส่วนใหญ่ในโลกต่างมีชีวิต “ทุกข์ปนสุข” สลับกันไปแบบ “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” จบท้ายทุกคนไปเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตทุกสรรพสิ่ง ไม่ได้ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่าง “สุดขั้ว”

ส่วน “ละครการเมือง” นั้น ทั้ง “ตอนแรก ตอนกลาง และตอนจบ” ล้วน “แตกต่าง” กับละครไทยโดยสิ้นเชิง

“แตกต่าง” ตรงที่ นักการเมืองที่มีอุดมการณ์ มักจะกลายเป็น “พระเอก” ในวรรณกรรมของ “สด กูรมะโรหิต” ในเรื่อง “คนดีที่โลกไม่ต้องการ” ส่วน “กังฉินยอดทราม” นั้น กลับกลายเป็น “ฮีโร่คนดัง” ฝังชิพใส่สมองชาวบ้านได้ยอดเก่ง และสะกดจิตประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้เหนือกว่า “พ่อมดออซ”

ดังนั้น “เจ้าพ่อทุนสามานย์ ขาใหญ่จอมเลือกตั้ง นักการเมืองสไตล์ แฟรงค์ อบาเนล จอมลวงโลกและนักบุญคนบาปทั้งโขยง” กลับกลายเป็น “ผู้นำจิตวิญญาณ” ที่ประชาชนเชิดชู

“สำหรับประชาชน” นั้นไซร้ กลับเป็น “พระเอกในละครแนวเหลือเชื่อ” โดยสวมบทบาท “คนตาบอดที่ไม่กลัวเสือ” กันอย่าง “ยั้วเยี้ย”

กมลศักดิ์  ตั้งธรรมนิยม


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *