เป็นที่น่าจับตา สำหรับหุ้นไอพีโอที่จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหุ้นในเดือน ก.ย. นี้ หลังจากที่ตลาดหุ้นกลับมาสดใส จากภาพการเมืองที่ชัดเจน ส่งผลบวกต่อการระดมทุน โดยในเดือนนี้ จะมี 2 หุ้นไอพีโอ ที่จะเข้าเทรด ได้แก่ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น COCOCO และบริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GFC ที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
#ThairathMoney จะพามาเปิดข้อมูลหุ้นไอพีโอของ 2 หุ้นสุดฮอตนี้ว่าพื้นฐานธุรกิจ และจะมีความน่าสนใจในการเข้าลงทุนมากแค่ไหน

มาเริ่มกันที่ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น COCOCO ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้ ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi รวมถึงการผลิตสินค้าเพื่อการอุตสาหกรรม และประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวภายใต้ตราสินค้า Moochie ซึ่งจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศกว่า 90 ประเทศทั่วโลก รวมถึงการเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชีสและเนยประเภทต่างๆ ที่ทำจากพืช
ขณะเดียวกัน บริษัทเสนอขายหุ้นไอพีโอทั้งหมด 370 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.17% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยเคาะราคาเสนอขายที่ 5.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 22.00 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มูลค่าการเสนอขายไอพีโอที่ 2,035 ล้านบาท โดยมี บริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตโดยซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อผลิตสินค้าทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ภายในปี 2567 และชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับผลประกอบการของบริษัท 3 ปีย้อนหลัง กำไรสุทธิของบริษัทในปี 2563-2565 และ 6 เดือนแรกของปี 2566 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 69.46 ล้านบาท 241.88 ล้านบาท 302.22 ล้านบาท และ 197.89 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ เท่ากับ 2.29%, 6.95%, 8.94% และ 9.93% ตามลำดับ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ในปี 2564 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 172.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 248.26 เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากต้นทุนขายของบริษัทที่มีสัดส่วนลดลง
ต่อมาคือ บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GFC ผู้ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำแนะนำและคำปรึกษา ตลอดจนการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
บริษัทเสนอขายหุ้นไอพีโอทั้งหมดไม่เกิน 60 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยเคาะราคาเสนอขายที่ 7.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 21.17 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึง 30 มิถุนายน 2566 มูลค่าการเสนอขายทั้งหมด 420 ล้านบาท โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนในครั้งนี้ เพื่อใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินภายในปี 2566 ถึง 2567 และเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการขยายสาขาภายในปี 2566 ถึง 2568 และเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ส่วนผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิในช่วงปี 2563-2565 และ 6 เดือนแรกของปี 2566 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 66.55 ล้านบาท 69.63 ล้านบาท 65.68 ล้านบาท และ 34.33 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 31.04%, 28.76%, 23.81% และ 20.56% ของรายได้จากการให้บริการตามลำดับ โดยในปี 2564 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้มีบุตรยากที่เข้ามารับบริการรักษากับกลุ่มบริษัทมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
จ่อคิวเข้าเทรดเพียบ
อย่างไรก็ดี พบว่ามีบริษัทที่น่าสนใจกำลังต่อแถวเข้าไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์อีกจำนวนมากในปี 2566 นี้ทั้งกระดาน SET และ mai ซึ่งยังต้องติดตามความชัดเจนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น JPARK, บริษัท สิริซอฟต์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SRS, บริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SINO, บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น MCA, บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ORN, บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SAV, บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TAN, บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น JPC