ลองของหรู ทดสอบ LEXUS 450h+ PHEV PREMIUM AWD


.css-nh9sg4 #forum2022-logoSponsor{text-align:center;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text{font-family:”KaLaTeXa Display”;font-size:10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text span{background-color:#ffffff;padding:0 10px;position:relative;z-index:3;}.css-nh9sg4 .forum2022-logoSponsor-text::after{content:””;height:1px;width:100%;background-color:rgb(216,216,216);position:absolute;top:50%;left:0;-webkit-transform:translateY(-50%);-ms-transform:translateY(-50%);transform:translateY(-50%);z-index:2;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor{padding:0;margin:0;list-style:none;display:-webkit-box;display:-webkit-flex;display:-ms-flexbox;display:flex;-webkit-flex-wrap:wrap;-ms-flex-wrap:wrap;flex-wrap:wrap;gap:15px;-webkit-box-pack:center;-webkit-justify-content:center;-ms-flex-pack:center;justify-content:center;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor{height:80px;}.css-nh9sg4 ul.forum2022-logoSponsor li.forum2022-item-sponsor img{height:80px;}

Lexus RX รถยนต์ครอสโอเวอร์หรู มักจะถูกตั้งค่าตัวให้มีราคาแพงกว่ารถคู่แข่งมานานแล้ว ชัดเจนว่า RX เจเนอเรชันที่ 5 รุ่น 450h+ Premium มีระยะการขับด้วยไฟฟ้าล้วนๆ ไกล 69 กิโลเมตร เป็นระยะทางไฟฟ้าที่ปราศจากมลภาวะ ก่อนที่ระบบ Plug in Hybrid จะเปลี่ยนกลับไปใช้เครื่องยนต์เมื่อพลังไฟในแบตฯลดต่ำลง เช่นเดียวกับรถยนต์เอสยูวีปลั๊ก-อินไฮบริดอย่าง BMW X5 Xdrive 50e M Sport / Mercedes-Benz GLE 350de / Audi Q7 60TFSIe Quattro / Volvo XC90 Recharge Ultmate T8 ที่ชาร์จเองในบ้าน ช่วยประหยัดน้ำมันหากใช้รถวันละไม่ถึง 100 กิโลเมตร

ราคาของ RX450h+ Premium AWD อยู่ที่ 5,090,000 บาท ส่วนราคาของรถคู่แข่ง มีดังต่อไปนี้

BMW X5 Xdrive 50e M Sport ราคา 5,399,000 บาท

BMW X5 xDrive30d M Sport LCI ราคา 5,099,000 บาท

Mercedes-Benz GLE 350de ราคา 4,699,000 บาท 

Audi Q7 60TFSIe Quattro S Line Black Edition ราคา 4,799,000 บาท 

   Volvo XC90 Recharge Ultmate T8 Plug-in Hybrid Bright สีดำ Onyx Black Metallic ราคา 4,690,000 บาท

มีรถยนต์อเนกประสงค์เพียงไม่กี่คันที่สร้างจุดขายไม่เหมือนใครในกลุ่มของตนเอง Lexus RX 450h+ Premium ค่าตัวห้าล้านคือหนึ่งในสิ่งที่สร้างความแตกต่าง หากคุณกำลังมองหารถอเนกประสงค์หรูหราขนาดใหญ่ แต่ติดใจกับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในยุคแรกเริ่ม ไม่สามารถพาตัวเองพร้อมความมั่นใจเพื่อก้าวไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบได้ ไม่ชอบการเดินทางไปถึงสถานีชาร์จไฟตามต่างจังหวัดแล้วพบกว่ามีรถรอชาร์จอีกหลายคัน RX450h+ คือหนึ่งในยานพาหนะระดับ Premium ที่ใช้งานได้จริง เมื่อพิจารณาจากระบบส่งกำลังแบบ Plug-in Hybrid ความกว้างขวางโอ่โถงของห้องโดยสาร พร้อมงานตกแต่งภายในคล้ายกับห้องนั่งเล่น ในตลาดของรถยนต์อเนกประสงค์เครื่องยนต์พลังงานผสม PHEV แม้รถปลั๊ก-อินเหล่านี้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีข้อด้อยอยู่บ้าง เมื่อไฟในแบตเตอรี่หมดลงแล้วเครื่องยนต์ต้องเข้ามารับหน้าที่ต่อไป การกลับมาใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อฉุดลากน้ำหนักตัวกว่าสองตันนั้นสร้างมลพิษและไม่ประหยัด จากความกระหายน้ำมันของเครื่องยนต์ที่ต้องอุ้มน้ำหนักมหาศาลของระบบขับเคลื่อน PHEV ไปด้วย แต่ RX450h+ กลับทำได้ดีกว่าคู่แข่งฝั่งยุโรป 

RX 450h+ นั้นเป็นยานแม่ Plug-in Hybrid แตกต่างจากคู่แข่งฝั่งยุโรปที่อุดมไปด้วยตัวหรูไดนามิกแจ่ม หากชาร์จไฟจนเต็ม (ไฟบ้านไม่มี Wall Box ใช้เวลา 8 ชั่วโมง) RX450h+ จะทำระยะทางด้วยไฟฟ้าเพียวๆ โดยที่ครื่องยนต์ยังหลับอยู่ได้ไกลประมาณ 69 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับรถคู่แข่ง RX450h+ ยังห่างไกลจากการเป็นรถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดที่วิ่งได้ไกลที่สุดในกลุ่มนี้ แต่ความแตกต่างท่ีอ้างถึงก็คือ เมื่อระยะทางของไฟในแบตเตอรี่หมดลง สิ่งที่ระบบขับเคลื่อนเข้ามาจัดการก็คือ การเปลี่ยนกลับเป็นเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดเต็มรูปแบบที่ชาร์จไฟได้ด้วยตนเอง มันเป็นรถไฮบริดเครื่องเบนซิน 2.5 ลิตรแบบไร้ระบบอัดอากาศที่เน้นอัตราการประหยัดเชื้อเพลิง แบบเดียวกับที่มีอยู่ในแบรนด์ของ Toyota Motor Corporation เป็นสไตล์การใช้งานที่ประหยัด เหมือนกับ Toyota Prius ในโลกแห่งความเป็นจริง เจ้าของรถ PHEV จำนวนมากมักจะไม่สะดวกที่จะเสียบปลั๊กชาร์จไฟ หรือไม่สนใจที่จะชาร์จไฟ หากเดินทางไปทำธุระไกลๆ หรือท่องเที่ยวต่างจังหวัด ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับ Lexus คันนี้ เมื่อเทียบกับรถรุ่นน้องอย่าง Lexus RZ Electric ที่ต้องวิ่งหาที่ชาร์จไฟทันทีที่แบตเตอรี่มีพลังงานต่ำ 

New RX รุ่นปลั๊กอิน 450h+ และชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.1kWh ใช้เวลาในการชาร์จผ่านที่ชาร์จบนเครื่อง Wall Box ขนาด 6.6kW ซึ่ง ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่ง ในการเติมไฟใส่เซลล์แบตเตอรี่ 96 โมดูล จากกล่องชาร์จติดผนังโรงรถหรือ Wall Box ขนาด 7.4kW  หากชาร์จไฟโดยเสียบผ่านเต้ารับการเชื่อมต่อกับกระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ กับแหล่งพลังงานปกติทั่วไป เช่น ปลั๊กไฟในที่พักอาศัย ซึ่งเป็นการชาร์จแบบไม่ผ่าน Wall Box จะต้องใช้เวลาในการเติมพลังงาน 8 ชั่วโมง 15 นาที  การชาร์จแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ เหมาะกับบ้านพักอาศัย หรือคนที่อยู่ในคอนโดมิเนียม ซึ่งพอจะหาเต้าชาร์จเสียบทิ้งเอาไว้โดยไม่ต้องใช้ Wall Box สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายในชั่วข้ามคืน แต่ก็ต้องรอถึง 8 ชั่วโมงกว่าแบตเตอรี่จะมีไฟเต็ม

RX รุ่นใหม่ ปี 2023 มาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันไม่น้อยกว่าสี่แบบ โดยเริ่มจากรุ่นพื้นฐานที่ไม่ได้นำเข้ามาขายในไทยอย่าง RX350 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินสี่สูบ เทอร์โบชาร์จ ขนาด 2.5 ลิตร กำลัง 275 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ส่วนรุ่นไฮบริด RX350h จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์สี่สูบ 2.4 ลิตร ให้กำลัง 246 แรงม้า กับเกียร์อัตโนมัติ (CVT) แปรผันต่อเนื่อง ถ่ายแรงบิดแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนรุ่นที่แรงสุดอย่าง RX500h F Sport Performance จะปลดล็อกระบบส่งกำลังให้มีศักยภาพในการทำความเร็วมากขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง เทอร์โบชาร์จ 2.4 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ผนวกเข้าด้วยกันในระบบส่งกำลัง เพื่อสร้างเรี่ยวแรง 367 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ Direct4 ของ Lexus ส่งกำลังนั้นไปยังล้อทั้งสี่ RX500h F Sport Performance เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.8 วินาที และไม่มีขายในประเทศไทย ส่วนรถทดสอบ RX450h+ Premium รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ที่จำหน่ายในไทยแค่รุ่นเดียว มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.5 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว หนึ่งตัวอยู่บนเพลาขับหลัง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นระบบส่งกำลังแบบเดียวกับที่ประจำการอยู่ใน Toyota RAV4 Prime และ Lexus NX450h+ แต่เพิ่มกำลังขึ้นมาอีก 2 แรงม้า ทำให้ RX450h+ มีกำลังรวม 304 ม้า ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ด้านหลังมัลติลิ้งค์ พร้อมการเซตอัพช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลเป็นพิเศษ ผนวกการเก็บเสียงที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นใบปัดน้ำฝนหรือกระจกไฟฟ้าก็ยังทำงานได้อย่างเงียบเชียบ เป็นครอสโอเวอร์คันโตที่เน้นความหรูหราพอๆกับ RX รุ่นที่แล้ว ทั้งหมดทั้งปวง เพื่อสร้างความพอใจให้กับลูกค้าประจำที่เบื่อการดูแลหลังการขายของแบรนด์เยอรมันบางศูนย์ 

Lexus RX 450h+ Premium AWD มีกำลัง 304bhp เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.5 วินาที และวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียวๆได้ระยะทางสูงสุด 69 กิโลเมตร (ในย่านความเร็วต่ำ) จากระยะการใช้งานแบตเตอรี่ตามมาตรฐาน EAER ในระบบ Plug-in Hybrid ของ RX450h+ ระบบขับเคลื่อนจะทำงานเหมือนกับ Lexus NX450h+ รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งใช้ระบบ AWD มอเตอร์คู่ ‘E-FOUR’ แบบเดียวกันและชุดเกียร์อัตโนมัติ eCVT การกดปุ่มสั่งงานระบบขับเคลื่อนที่ติดตั้งอยู่ใกล้กับคันเกียร์ จะทำให้สามารถสลับระหว่างระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ‘EV’ และโหมด ‘HV’ โหมดผสมผสานที่จะทำงานดีขึ้น สำหรับการขับปกติในขณะที่วิ่งในรูปแบบไฮบริด เป็นซอฟต์แวร์ปฏิบัติการที่ผสมผสานระบบขับเคลื่อนสองรูปแบบได้อย่างลงตัว ตัดต่อระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยความเรียบเนียน ปราศจากอาการกระตุกกระชาก ทำให้ RX450h+ Premium เงียบและไหลลื่นอย่างนุ่มนวล เป็นการพึ่งพาแหล่งพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงในถังขนาด 53 ลิตร หรือไฟฟ้าในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนตามความจำเป็นในการใช้งาน

เมื่อกดปุ่มเดิมเชื่อมต่อรถเข้ากับ ‘โหมดการชาร์จ’ ระบบจะแสดงข้อมูลเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น เนื่องจากการชาร์จแบตเตอรี่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งานรถยนต์ปลั๊กอิน อาจฟังดูค่อนข้างซับซ้อน แต่การขับ RX 450h+ ไม่ได้เป็นเรื่องที่วุ่นวายแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องเลือกโหมดการขับขี่ เนื่องจากมีปุ่มโหมด ‘Auto EV/HV’ เพิ่มเติมให้ด้วย ซึ่งจะช่วยตัดสินใจสั่งงานระบบขับเคลื่อนทั้งหมดให้กับคนขับอย่างลงตัว โหมดขับเคลื่อนสามรูปแบบของ RX มีประสิทธิภาพพอตัว เพราะระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ที่โฆษณาไว้นั้น เมื่อลองขับทดสอบก็ปรากฏว่าไม่ได้เกินขอบเขตของความเป็นจริงไปมากนัก ยกเว้นในกรณีที่คนขับปรับระบบขับเคลื่อนให้อยู่ในโหมด EV แล้วใช้คันเร่งอย่างเต็มที่ อันนั้นก็ย่อมรับประทานไฟเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการเร่งความเร็วด้วยพลังงานไฟฟ้า การขับ Lexus RX 450h+ ปี 2024 ไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสงบ พลังในการเร่งความเร็วเพื่อแซง และประสิทธิภาพด้านการยึดเกาะกับความนุ่มนวลที่ปรับจูนมาอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการผสมผสานระหว่างวิศวกรรมขั้นสูงและการแสวงหาความสุขในการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง 

จากความเงียบสงบของทางหลวงชนบทหนองหญ้าปล้องไปจนถึงถนนเลียบภูเขาที่คดเคี้ยว Lexus RX 450h+ Premium แสดงให้เห็นถึงความสมดุล ไดนามิกที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายในย่านความเร็วเดินทาง ระบบกันสะเทือนที่ผ่านการปรับแต่งอย่างตั้งใจ  เพื่อลบจุดบกพร่องที่อยู่บนผิวถนนเกือบทั้งหมด แรงสั่นสะเทือนแม้จะขับบนทางลูกรังจะถูกดูดซับอย่างหมดจดโดยเฉพาะในย่านความเร็วต่ำ RX ทุกรุ่นให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและมั่นคงไม่ต่างไปจาก NX รุ่นน้อง แต่ให้ฟิลลิ่งแบบผู้ดีที่แฝงอยู่ในระบบกันสะเทือนและพวงมาลัย ดูเหมือนมันจะพยายามทำให้คนขับใช้ความเร็วกับสมาธิที่เหมาะสม นั่นก็คือ 110 -120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณจะพบกับความสงบเงียบในการเดินทาง ไม่ว่าจะขับผ่านทางหลวงที่เปียกโชกจากสายฝนในช่วงปลายฤดู หรือผิวยางแอสฟัลต์ที่มีแสงแดดเจิดจ้าแผดเผาทั้งวันอย่างเช่นวันทดสอบแถวสามร้อยยอด ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนขั้นสูงของ RX450h+ ช่วยสร้างความมั่นใจในการยึดเกาะด้วยเสถียรภาพสูงสุด พร้อมกับการปิดระบบแจ้งเตือนและรักษาช่องทางที่ช่วยทำให้สัมผัสของพวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผันกลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาติมากกว่าเปิดเอาไว้! 

การบังคับเลี้ยวถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างของ New RX450h+ พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผันทำงานผ่านมอเตอร์และชุดควบคุม ให้ความรู้สึกแม่นยำและตอบสนองได้ดี โดยเฉพาะในโค้งรอบอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล ช่วยให้คนขับรู้สึกถึงการเชื่อมต่อกับสัมผัสของผิวถนน ความแม่นยำนี้ เมื่อรวมกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำและการกระจายน้ำหนักที่สมดุล (แบตเตอรี่อยู่ด้านหลัง) ทำให้การขับเข้าโค้งมีความคล่องตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในรถ SUV หลายรุ่นในขนาดเดียวกัน 

หัวใจของระบบขับเคลื่อนใน RX 450h+ คือระบบส่งกำลังไฮบริดขั้นสูง เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ Lexus ในด้านความยั่งยืน โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานของชุดส่งกำลัง การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าไหลลื่นเรียบเนียน ระบบเบรกสะสมพลังงานไม่ทำให้สัมผัสของแป้นเบรกเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีหรือให้ความรู้สึกไม่มั่นใจ แต่เมื่อขับด้วยความเร็วสูง ผมอยากได้ชุดเบรกที่สร้างความมั่นใจได้มากกว่านี้ เนื่องจากแรงม้าแรงบิดของรถยนต์พลังงานผสมยุคใหม่นั้นมีมาให้อย่างเหลือเฟือ การเพิ่มระดับชุดเบรกให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม น่าจะช่วยให้มันทำคะแนนเข้าใกล้กับรถคู่แข่งมากยิ่งขึ้น สำหรับเกียร์ e-CVT ส่งกำลังได้อย่างฉับพลันทันที เร่งความเร็วโดยปราศจากอาการรอรอบ แม้จะมีแรงบิดไม่มากเท่ากับคู่ต่อสู้จากฝั่งยุโรป โดยเฉพาะ X5 Xdrive 50e กับ Volvo XC90 T8 ซึ่งเป็นรถที่มีแรงฉุดลากในระดับหัวแถว  แต่ RX450h+ ตอบโต้กลับด้วยความเงียบสงบและสบายที่เหนือกว่า เบาะแบบมีระบบแอร์คอยเป่าลมเย็นออกมาทำให้นั่งได้อย่างสบายตัว โดยเฉพาะการขับลัดเลาะไปตามชายทะเลด้วยความเร็วต่ำแล้วเปิด Panoramic Roof  

ประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ แนวคิดของประธาน Toyoda ในการเพิ่มศักยภาพให้กับรถยนต์ Lexus ทุกรุ่น คือ การเปลี่ยนแปลงระหว่างโหมดไฟฟ้าสำหรับการขับเคลื่อนที่ความเร็วต่ำ เครื่องยนต์เบนซินเข้ามารับหน้าที่ต่อสำหรับการทำความเร็วบนทางหลวง พลังงานผสมสองรูปแบบที่สลับหน้าที่กันทำงาน ช่วยลดตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง การขับในโลกแห่งความเป็นจริงมักจะเกินกว่าตัวเลขระยะทางอย่างเป็นทางการ ทำให้ RX 450h+ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับกระเป๋าเงิน เกียร์อัตโนมัติแบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (e-CVT) ขึ้นชื่อในด้านความนุ่มนวล การเปลี่ยนเกียร์ที่แม่นยำ ไม่ว่าจะอยู่ในโหมดอัตโนมัติ หรือชิพเกียร์ผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift กำลังที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ผมเร่งความเร็ว การตอบสนองของเกียร์ e-CVT ช่วยทำให้รถจะอยู่ในช่วงกำลังที่เหมาะสมกับสปีดความเร็ว ไม่ว่าจะแซงรถช้าบนทางหลวงหรือไหลไปเรื่อยๆ ตามสภาพการจราจรที่หนาแน่นในเมือง 

โหมดการขับขี่ที่ยังคงเน้นหนักด้านความอเนกประสงค์ของ RX 450h+ ด้วย โหมด ‘Eco’ ซอฟต์แวร์จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อความประหยัด ส่วนโหมด ‘Normal’ ให้ความสมดุลระหว่างสมรรถนะและประสิทธิภาพ ผสมผสานการขับที่ความเร็วต่ำในเมืองหรือย่านความเร็วเดินทาง ส่วนโหมดที่น่าผิดหวังเล็กน้อยก็คือ ‘Sport’ ซอฟต์แวร์จะปรับการตอบสนองของคันเร่งให้ไวขึ้น พวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพื่อปรับให้สอดรับกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น แต่มันไม่ได้มีพละกำลังในการพุ่งทะยานมากอย่างที่คิด โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับคู่แข่งเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าฝังอยู่ในชุดเกียร์ของ BMW X5 Xdrive 45e วิศวกรของ Lexus พยายามปรับให้ย่านกำลังของ RX450h+ คมชัดขึ้นเพื่อการขับที่มีชีวิตชีวา แต่ก็ยังไม่แรงเท่ากับรถเอสยูวีไซส์กลางตราใบพัดที่เน้นแรงบิดแบบจุกๆ

การทดสอบขับทางไกลใน RX 450h+ แสดงให้เห็นประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ทำได้ 13.3 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อใช้ความเร็วเดินทางต่อเนื่องจากวังมะนาว หนองหญ้าปล้อง ไปยังปากน้ำปราณ แม้ว่ารถไฮบริดหลายรุ่นมักจะเห็นความแตกต่างระหว่างอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมืองและบนทางหลวง แต่ RX 450h+ รักษาสมดุลที่ดีเอาไว้ได้ไม่ว่าจะขับช้าหรือเร็ว การทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซินช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทั้งการเร่งความเร็วหรือไหลไปเรื่อยๆตามสภาพการจราจร บนทางหลวงที่เปิดโล่ง เครื่องยนต์เบนซินมีบทบาทความสำคัญเหนือกว่ามอเตอร์ไฟฟ้า การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ของรถและระบบส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีงามแม้น้ำหนักตัว 2.2 ตัน ตลอดระยะทางทดสอบที่หลากหลาย RX 450h+ ส่งมอบค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองได้อย่างสม่ำเสมอ มันประหยัดกว่ารถคู่แข่งเมื่อเทียบกับ SUV ในคลาสเดียวกัน

สำหรับจุดเด่นของ Lexus RX450h+ ก็คือ

Regenerative Braking: คุณสมบัติที่สำคัญในระบบไฮบริด การใช้เบรกระบบจะทำหน้าที่แปลงพลังงานระหว่างการเบรกเป็นไฟฟ้าเพื่อชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการสึกหรอของระบบเบรกอีกด้วย

โหมด Eco: โหมดการขับขี่นี้ให้ความสำคัญกับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับการตอบสนองของคันเร่ง และการตั้งค่าระบบปรับอากาศเพื่อลดการใช้พลังงาน

วัสดุภายใน Lexus ได้เริ่มนำวัสดุที่ยั่งยืนมาใช้ภายในห้องโดยสาร ตั้งแต่พลาสติกชีวภาพไปจนถึงการฝังไม้จากแหล่งที่ยั่งยืน RX 450h+ ทำให้ความหรูหรามีความยั่งยืน

เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ: ระบบปรับอากาศใช้ระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ช่วยให้มั่นใจได้ถึงอุณหภูมิห้องโดยสารที่เหมาะสมพร้อมทั้งลดการใช้พลังงาน

การปล่อยมลพิษที่ลดลง: การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้มั่นใจได้ว่า RX 450h+ จะปล่อยมลพิษน้อยลงเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินแบบดั้งเดิมเท่านั้น

ลูกค้าทุกคนต่างคาดหวังว่า Lexus SUV ขนาดใหญ่จะขับขี่ได้อย่างสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า RX คันนี้ มีงานทางวิศวกรรมค่อนข้างมากในความพยายามที่จะลดแรงสั่นสะเทือน ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ใหม่ การตั้งค่ารอบด้านที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมใหม่หมดช่วยดูดซับแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการขับบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ RX ควบคุมได้อย่างสวยงามที่ย่านความเร็วเดินทางบนทางหลวงแผ่นดินแบบข้ามจังหวัด ระบบเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ออกแบบใหม่ ให้ความรู้สึกในการเหยียบเบรกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิม แต่คาลิปเปอร์เบรกธรรมดาสามัญนั้นเล็กไปนิด ส่วนแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลังพวงมาลัย ทำงานแปรผันอัตราทด 6 สปีด ความเร็วในการเดินทางบนทางหลวงนั้นได้รับการขัดเกลาใหม่ให้นั่งสบายขึ้น มีเสียงรบกวนต่ำ จากการทำงานของเครื่องยนต์ไฮบริด เสียงและการสั่นสะเทือนทั้งหมด ถูกป้องกันด้วยฉนวนจำนวนมากที่แผงบุรองใต้คอนโซลและเสาหน้า รวมถึงการใช้กระจกกันเสียงทั้งกระจกบังลมด้านหน้าและกระจกหน้าต่างด้านข้าง 

RX 450h+ มีรูปลักษณ์ที่ได้รับอิทธิพลการออกแบบจาก RZ Electric รวมถึงรถรุ่นน้องอย่าง NX แนวทางการออกแบบภายนอกดูคล้าย RZ โดยเฉพาะส่วนของกระจังหน้า ฝากระโปรงหน้าและชุดไฟส่องสว่างด้านหน้า สไตลิสต์ของ Lexus ต้องการให้ความรู้สึกเหมือนรถคูเป้มากขึ้น มีการลดความสูงของแนวหลังคาลงอีก 10 มิลลิเมตร ล้ออัลลอยสีเงินยวงขนาด 21 นิ้ว ใหญ่สุดเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน ด้านหน้า มีชุดกระจังหน้ากับส่วนบนของแกนกระจังหน้าที่ถูกปิดเพื่อลดแรงต้านทานของกระแสลม ผสานกับตัวถังด้วยการเชื่อมโยงขอบของกระจังที่เต็มไปด้วยรายละเอียดซับซ้อน เข้ากับชุดไฟหน้า Adaptive LED ที่มีรูปทรงเพรียวบาง แถบไฟ DLR LED Daytime Running Light แบบหัวลูกศร  ด้านข้างมีเส้นนำสายตาและส่วนโค้งเว้าที่ไล่จากขอบชายล่างของบานประตูหน้าตวัดขึ้นไปยังกึ่งกลางของบานประตูหลัง แพลตฟอร์ม TNGA-K แบบเดียวกับที่ใช้ใน Lexus NX 450h+ ทำให้ไดนามิกของรถทั้งสองรุ่นนั้นใกล้เคียงกันมาก 

แพลตฟอร์ม Toyota TNGA-K ทำให้ Lexus New RX450h+ มีขนาดความยาวเท่าเดิมที่ 4,890 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นเป็น 2,850 มิลลิเมตร ความกว้างโดยรวม 1,920 มิลลิเมตร สูง 1,695 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อ (หน้า) 1,655 มิลลิเมตร (หลัง) 1,695 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2,220 กิโลกรัม โครงสร้าง TNGA-K เบากว่าเดิม 90 กิโลกรัม นั่นหมายถึงความคล่องตัว กระจังหน้าซับซ้อนและล้างทำความสะอาดยาก ต่อเชื่อมกับไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยว เส้นแนวเสา C ที่ออกแบบได้ดี ทำให้ส่วนโค้งด้านหลังดูลงตัว และเชื่อมต่อกับไฟท้ายแนวยาวตามสมัยนิยม แถบไฟท้าย LED เต็มความกว้างที่ทอดยาวเชื่อมต่อกันทั้งสองฝั่ง ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นรูปทรงของครอสโอเวอร์หรูรุ่นใหม่ที่ให้ความรู้สึกแบบญี่ปุ่น มันดูดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสีตัวถัง Copper Crest ที่เหมือนกับการเอาแผ่นทองแดงมาขึ้นรูปทำเป็นเปลือกตัวถัง การออกแบบที่เปลี่ยนแปลง ทำให้เห็นรอยพับของตัวถังที่มีลักษณะเหมือนการพับกระดาษใน Lexus RX รุ่นล่าสุดที่ดูกลมกล่อมและนุ่มนวลยังมีเส้นโค้งบางส่วน ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบรถยนต์ครอสโอเวอร์รุ่น RX มานานแล้ว โดยเฉพาะบริเวณเสา C ที่มีวิวัฒนาการมาจาก RX เจเนอเรชันที่ 4 แพลตฟอร์มใหม่ ทำให้ดีไซเนอร์สามารถขยายฐานล้อออกไปอีก 60 มิลลิเมตร เพื่อประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่ภายใน ความกว้างของล้อคู่หน้าบนเพลาหน้าเพิ่มขึ้น 15 มิลลิเมตร ด้านหลัง 45 มิลลิเมตร จุดศูนย์ถ่วงของรถที่ลดลงอีก 15 มิลลิเมตรส่งผลดีต่อการบังคับควบคุม ล้อขนาด 21 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน ช่วยลดความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน สอดคล้องกับเทรนด์การออกแบบในปัจจุบัน ไฟท้ายจึงเชื่อมโยงกันด้วยแถบไฟขนาดบาง ซึ่งด้านบนมีอักษรตัวอักษร Lexus แทนที่จะเป็นตราสัญลักษณ์ ไม่มี RX รุ่นเจ็ดที่นั่ง เนื่องจากได้รับการออกแบบตั้งแต่เริ่มแรกให้เป็นปลั๊กอินไฮบริด ฝาท้ายแบบควบคุมการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มีพื้นที่เก็บสัมภาระปริมาตร 612 ลิตร (ยังไม่ได้พับเบาะหลัง) 

Lexus มีชื่อเสียงในด้านการตกแต่งภายในที่หรูหรา และ RX450h+ ก็ไม่มีข้อยกเว้น ห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูง เบาะที่นั่งนุ่มสบายตัว ฟีเจอร์และเทคโนโลยีมากมายถูกบรรจุเอาไว้ให้ใช้งานอย่างกว้างขวางและครอบคลุมชีวิตยุคใหม่ ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ที่ใช้งานง่าย เครื่องเสียงระดับพรีเมียม และระบบช่วยเหลือผู้ขับขั้นสูง ตำแหน่งเบาะนั่ง เน้นคนขับเป็นศูนย์กลาง เป็นสิ่งที่ Lexus เรียกว่า ‘Tazuna’ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การให้คนขับควบคุมรถได้โดยตรงและใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย ด้วยวิธี ‘วางมือบนพวงมาลัยและจับตาดูถนน’ 

Lexus ชอบใช้คำอธิบายที่นุ่มนวล ด้วยห้องโดยสาร ‘Tazuna’ ซึ่งใช้ชื่อมาจากภาษาญี่ปุ่นว่า ‘บังเหียนม้า’ สอดคล้องกับแนวคิดของการควบคุมและใช้งาน จอแสดงผลแนวนอนขนาด 14 นิ้ว จอแสดงผล HUD บนกระจกหน้า หน้าจอข้อมูลคนขับ เรียบง่ายแต่ทำงานได้ดี กราฟิกพื้นหลังบางส่วนยังคงตามหลังแบรนด์ยุโรปอย่างเห็นได้ชัด หน้าจอสัมผัสนั้นตอบสนองดีและใช้งานง่าย อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง รวมการควบคุมทั้งหมดที่คุณอาจต้องกดสั่งงานเพื่อปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ ทางด้านขวาของหน้าจอจะเล็กไปหน่อยเมื่อพยายามเปลี่ยนสถานีวิทยุบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ปุ่มบนพวงมาลัยยังควบคุมฟังก์ชันต่างๆ อาจทำให้สับสนเล็กน้อยในเมนูต่างๆ แต่มีตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลโดยเฉลี่ย การชาร์จแบบไร้สายความเร็วสูงสำหรับโทรศัพท์และพอร์ตชาร์จ USB กระจายติดตั้งให้ใช้งานทั่วห้องโดยสาร รวมถึงพื้นที่ สำหรับสี่คนเมื่อเดินทางไกล 

หน้าปัดทรงกลมที่แจ้งรายละเอียดข้อมูลที่สำคัญของระบบขับเคลื่อนออกแบบให้อ่านค่าได้ง่าย แต่มีรายละเอียดไม่มากนักและน่าจะทำให้สวยงามมากกว่านี้  แผงหน้าปัดดิจิตอลปรับเปลี่ยนการแสดงผลไปตามโหมดขับเคลื่อน เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางห่อหุ้มด้วยหนังเกรดสูง ระบบอินโฟเทนเมนต์ทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 14.0 นิ้ว พร้อมระบบควบคุมด้วยเสียง “Hey Lexus”, ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อรองรับ ‘Apple CarPlay’/’Android Auto’ แบบไร้สาย ระบบนำทางบนคลาวด์ ระบบไฟส่องสว่างรอบข้างที่ปรับแต่งได้ 64 สีและธีมที่ตั้งไว้ล่วงหน้า 14 แบบ

ระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น 60 มิลลิเมตร จากการออกแบบมิติความยาวของฐานล้อใหม่ RX รุ่นที่ 5 เพิ่มพื้นที่วางขามากกว่าเดิม เบาะหลังออกแบบให้พนักพิงสามารถปรับเอนได้ พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิห้องโดยสารด้านหลังที่ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ม่านหน้าต่างด้านข้างแบบแมนนวล พื้นที่เก็บของด้านหลังค่อนข้างน่าประทับใจ ความจุสัมภาระไม่ได้ลดลง ด้วยแบตเตอรี่ Plug-in Hybrid ความจุขนาด 461 ลิตรเหมือนกับ RX Hybrid หรือ 612 ลิตรหากคุณบรรทุกสัมภาระขึ้นไปบนหลังคา มีช่องเก็บของกระจุกกระจิกที่มีประโยชน์อยู่ใต้พื้น เมื่อพับเบาะด้านหลัง (พนักพิงสามารถควบคุมด้วยไฟฟ้า) พื้นที่เก็บสัมภาระจะเพิ่มเป็น 1,678 ลิตร

RX 450h+ ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟสูงอัตโนมัติ, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, รางหลังคา, ประตูท้ายแบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์ที่ว่านอนสอนง่าย, ระบบเปิดประตูอิเล็กทรอนิกส์แบบ ‘E-Latch’ ระบบเปิดประตูอัจฉริยะแบบไร้กุญแจ, กระจกด้านหลังแบบ Privacy, ไฟหน้าและที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, เซนเซอร์ช่วยจอด, สัญญาณแจ้งเตือนต่างๆ กล้องมองรอบคัน ที่เชื่อมโยงกับ Lexus Safety System+’ ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

พวงมาลัยเพาเวอร์ปรับไฟฟ้าสี่ทิศทาง ระบบเลือกโหมดขับเคลื่อน 4 ระดับ พวงมาลัยหุ้มหนังแท้พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ Triple-Zone ระบบทำความเย็นหรืออุ่นเบาะคู่หน้า เบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ระบบไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร ระบบอินโฟเทนเมนต์ จอกลาง Lexus Link Pro Multimedia พร้อมกราฟิก HD, การอัปเดต over-the-air เชื่อมต่อ ‘Apple CarPlay’ และ ‘Android Auto’ แบบไร้สาย ระบบเสียง DAB Premium กำลังขับพอใช้ได้กับความใสของลำโพง 12 ตัว รอบห้องโดยสาร สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงระหว่างขับรถ

RX 450h+ ระบบความปลอดภัย
Lexus Safety System+: มีคุณสมบัติด้านระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุม ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็ว Adaptive Cruise Control All Speed ระบบเตือนการออกนอกเลน ระบบช่วยบังคับเลี้ยว ไฟสูงอัตโนมัติ ระบบตรวจจับและแจ้งเตือนการชนล่วงหน้า การตรวจจับคนเดินถนน 

Blind-Spot Monitoring with Rear Cross-Traffic Alert: ระบบนี้จะเตือนผู้ขับขี่ว่ารถอยู่ในจุดบอดหรือเข้าใกล้จากด้านข้างเมื่อถอยรถออกจากช่องจอดรถ

ถุงลมนิรภัย 10 ใบ :วางตำแหน่งอย่างมีกลยุทธ์ทั่วทั้งห้องโดยสาร ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการปกป้องสูงสุดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชน

ระบบควบคุมการทรงตัวและการยึดเกาะถนน : ระบบเหล่านี้ทำงานตลอดเวลา เพื่อให้รถ RX 450h+  ยึดเกาะกับถนนด้วยความเสถียร โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ท้าทาย

ระบบกล้อง 360 องศา

ระบบช่วยจอดรถ

จอ HUD แสดงผลบนกระจกหน้ารถ แสดงข้อมูลสำคัญด้วยการยิงสะท้อนบนกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับรับรู้ข้อมูลโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ  Adaptive Cruise Control All Speed รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย ปรับความเร็ว เร่งหรือลดความเร็วได้อย่างราบรื่นนุ่มนวล ช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับ

ระบบเตือนการออกนอกเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยวนั้นมีความละเอียดอ่อนแต่ก็มีประสิทธิภาพ ในกรณีที่คนขับเบี่ยงเบนทิศทางรถโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะค่อยๆ ประคองรถกลับเข้าไปในเลน 

ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนขั้นสูง ตรวจจับการชนที่อาจเกิดขึ้น และทำการใช้เบรกเพื่อลดแรงกระแทกหากจำเป็น การตรวจจับคนเดินถนนช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในเขตเมืองที่พลุกพล่าน

กล้อง 360 องศา ช่วยเพิ่มมุมมองในการจอดรถบนที่แคบ

ภาพรวมของคู่แข่ง :

BMW X5 xDrive50e LCI : รถ SUV ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นปรับโฉมของ BMW ที่เพิ่งจะออกขายในไทยสดๆร้อนๆ X5 เสียบปลั๊กชาร์จไฟรุ่นใหม่ ผสมผสานไดนามิกในการขับ เข้ากับข้อดีของระบบไฟฟ้า ระยะการวิ่งด้วยไฟฟ้าไกลลิบ เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบที่ทรงพลัง เกียร์ ZF 8 สปีดและระบบขับทุกล้อ xDrive ทำให้ X5 ใหม่น่าเกรงขามเอาเรื่อง

Audi Q7 60TFSI e Quattro S Line SUV ปลั๊กอินไฮบริดสุดหรูของ Audi มีเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนพลังงานผสมที่โดดเด่นและเต็มไปด้วยแรงฉุดลากในการเร่งความเร็ว การตกแต่งภายในที่ประณีต พร้อม สมรรถนะที่เน้นความสมดุลของระบบขับเคลื่อน Quattro เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ปลั๊กอินไฮบริด เป็นรถเอสยูวีเสียบปลั๊กที่มีฝีเท้าจัดจ้านสุดๆ

Mercedes-Benz GLE 350de Plug in Hybrid : ซีรีส์ GLE ถือเป็นมาตรฐานในกลุ่มรถ Luxury SUV ระดับหรูมายาวนาน และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลปลั๊กอินไฮบริดก็ทำออกมาเพื่อเอาใจคนชอบความประหยัด การผสมผสานความหรูหรา เทคโนโลยี และประสิทธิภาพเข้าด้วยกัน เครื่องยนต์ดีเซลผสานรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบเกียร์ 9G Tronic ผนวกกับเรือนร่างที่ใหญ่โตภูมิฐาน บ่งบอกฐานะของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี 

Volvo XC90 Recharge Ultmate T8 Plug-in Hybrid
ไวกิ้งเอสยูวีไซส์โตที่มีแรงบิดเหลือเฟือ ถูกปรับปรุงให้ดีกว่ารุ่นที่แล้ว พร้อมอัตราเร่งชวนขนหัวลุกแทบจะไม่ต่างไปจาก Q7 60TFSIe ขับดี นั่งสบายด้วยระบบช่วงล่าง Adaptive  Air Suspension และเครื่องเสียงระดับเทพของ B&W 

สรุป
RX 450h+ คือรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่งสุดหรูที่ให้ความรู้สึกแพงแต่คุ้มค่ากว่าคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นความทนทานของระบบขับเคลื่อน งานบริการหลังการขาย เมื่อรถขายไม่มาก มีจำนวนน้อย การดูแลลูกค้าของ Lexus อยู่ในระดับหัวแถวของวงการ ไม่ต้องรอนานเวลาซ่อม แถมยังมีรถสำรองให้ขับใช้งานในระหว่างการนำ RX ไปซ่อมบำรุงตรวจเช็กตามระยะอีกด้วย นอกจากนี้ ความนุ่มนวลนั่งสบาย ยังเป็นสิ่งที่ลูกค้าของ Lexus ให้ความสำคัญ มากกว่าความเร็วและตัวเลขของแรงม้าแรงบิด RX450h+ ให้ความสำคัญกับการควบคุมที่เฉียบคมและนุ่มนวล เป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่ใช้งานได้จริง แค่ลืมความย้วยของเกียร์ eCVT ที่ทำให้เครื่องยนต์ส่งเสียงดังเวลาไต่ระดับความเร็ว คุณจะมีความสุขกับ RX450h+ ไปอีกนานหลายปีเลยทีเดียว.

STANDARD SPECIFICATION

ความยาวโดยรวม 4,890 มิลลิเมตร
ความกว้างโดยรวม 1,920 มิลลิเมตร
ความสูงโดยรวม 1,695 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อหน้า-หลัง 2,850 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อ (หน้า) 1,655 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อ (หลัง)   1,695 มิลลิเมตร
น้ำหนักตัวถังรถ 2,220 กิโลกรัม
น้ำหนักรถสุทธิ 2,780 กิโลกรัม

โครงสร้างรถ
ระบบรองรับหน้า MacPherson strut (Front/หน้า)
ระบบรองรับหลัง Multi Link (Rear/หลัง)
ระบบส่งกำลัง E-CVT
ระบบขับเคลื่อน All-wheel Drive (AWD)
ระบบบังคับเลี้ยว EPS (Electric Power Steering)
ระบบเบรก (หน้า) Ventilated Disc
ระบบเบรก (หลัง) Ventilated Disc
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (ล้อ) 5.9 เมตร
ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
ยาง 235/50R21 HI2 235/60R19 SM

เครื่องยนต์
เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 2.5 ลิตร 4 วาล์วต่อสูบ DOHC, Chain Drive (A25A-FXS)
ความจุกระบอกสูบ 2,487 ซีซี
กำลังสูงสุด 185 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 227 นิวตันเมตร ที่ 3,200-3,700 รอบต่อนาที
ระบบเชื้อเพลิง EFI (Electronicn Fuel Injection System)
ค่าออกเทนน้ำมัน 95 or Higher (E10)

มอเตอร์
มอเตอร์หน้า Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด 134 กิโลวัตต์
แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร
มอเตอร์หลัง
ประเภท Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด 40 กิโลวัตต์
แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร
กำลังรวมทั้งระบบ 304 แรงม้า

แบตเตอรี่
ประเภท Lithium-ion Battery
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 355 โวลต์
จำนวนเซลล์แบตเตอรี่ 96 เซลล์

ระบบ Plug-in ไฮบริด
ช่องหัวชาร์จแบบกระแสสลับ Type 2 แบบ 6.6 กิโลวัตต์ 
สายชาร์จแบบกระแสสลับ Type 2 ยาว 7.5 เมตร
ระยะเวลาในการชาร์จแบบเต็มที่กำลังไฟ 32 แอมป์ 2 ชั่วโมง 30 นาที 

สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม  6.5 วินาที
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 76.9 กิโลเมตร/ลิตร
ค่าเฉลี่ยมลพิษ CO2 29 กรัม/กิโลเมตร
มาตรฐานการปล่อยมลพิษ EURO 4

อุปกรณ์ภายนอก
กระจกหน้าตัดแสง UV แบบซับเสียง
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหน้าแบบซับเสียงและกันน้ำเกาะ
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหน้าส่วนมุม
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหลัง
หลังคาพาโนรามา
ราวหลังคา
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED

ระบบไฟส่องสว่าง
ไฟส่องสว่างด้านหน้า
ไฟหน้าแบบปรับองศาการส่องสว่างในมุมต่ำ พร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ
ระบบทำความสะอาดไฟหน้า
ไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน
ไฟตัดหมอกหน้า
ไฟส่องมุมหน้ารถ
ระบบปรับองศาของไฟส่องสว่างอัจฉริยะ

อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟส่องสว่าง
อุปกรณ์ภายใน
มาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล
หน้าจออัจฉริยะ HUD
พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์
หัวเกียร์แบบหุ้มหนัง
กระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง (ที่นั่งตอนหน้า)
ช่องเก็บของคอนโซลด้านหน้าพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB-C, USB-A และ DC-12 V
ช่องเก็บของคอนโซลกลางและช่องเชื่อมต่อ USB-C ด้านหลัง
ระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
ระบบปรับอากาศพร้อมปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบแยกอิสระสำหรับที่นั่งตอนหน้าและที่นั่งตอนหลังพร้อมระบบกรองอากาศ Nano-e
คู่หน้าปรับไฟฟ้า
เบาะดันหลังสำหรับที่นั่งคนขับ
ปุ่มบันทึกตำแหน่งเบาะ 3 ตำแหน่ง (สำหรับที่นั่งคนขับ)
เบาะนั่งพร้อมระบบปรับอากาศ (เบาะคู่หน้า)
เบาะหลังแบบปรับพับแยก 60:40 แบบไฟฟ้า

ระบบการทำงาน
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับระดับ 4 ทิศทาง
ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
รูปแบบการขับขี่
ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะ
กุญแจแบบการ์ด
จอแสดงผลการสั่งงานแบบ EMV แบบสัมผัส
ระบบแผนที่นำทาง
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงหลังด้วยไฟฟ้า
ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย
ระบบเครื่องเสียง
ระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย

ระบบความปลอดภัย
ระบบประตูนิรภัยอัจฉริยะ
ระบบเสริมแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (ACA)
ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ (VSC)
ระบบป้องกันการลื่นไถล (TRC)
ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกไฟฟ้า (EBD)
ระบบช่วยเบรก (BA)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
กระจกมองหลังและกระจกข้างตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบช่วยจอด
ระบบช่วยเบรกขณะถอยจอด
จอแสดงภาพขณะถอยจอดพร้อมกล้องรอบคัน
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
ระบบป้องกันก่อนการชน
ระบบติดตามช่องทางวิ่ง
ระบบช่วยเปลี่ยนเลน พร้อมสัญญาณเตือนมุมอับสายตา
สัญญาณเตือนด้านท้าย ขณะถอยหลัง
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS (สำหรับที่นั่งคนขับ)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS (สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS บริเวณหัวเข่า(สำหรับที่นั่งคนขับ)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง(สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
ม่านถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและลดแรงกระชาก(สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ
(สำหรับที่นั่งตอนหลัง)
แท่นยึดสำหรับติดตั้งที่นั่งเด็กแบบ ISO FIX (สำหรับที่นั่งตอนหลัง)
ระบบป้องกันการโจรกรรมพร้อมสัญญาณเตือนอัตโนมัติ


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *