ผู้จัดการรายวัน 360 – “ซีอาร์จี”(CRG) รุกตลาดปี 68 ชู Delicious Lab ทีมนักพัฒนาสร้างสรรค์ความอร่อยที่เหนือกว่า รังสรรค์เมนูที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ หวังรายได้เพิ่ม 13% พร้อมเปิดสาขาใหม่กว่า 120 – 140 สาขา เตรียมเล็งแบรนด์ใหม่เสริมทัพ ตั้งเป้าโกยยอด 17,900 ล้านบาท
นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) กล่าวว่า ปีี 2568บริษัทฯมองภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยเป็น 8 เทรนด์สำคัญ คือ 1. ภาพรวมตลาดธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 จะเติบโต 5 – 7% มูลค่ารวม 572,000 ล้านบาท 2. แบรนด์ร้านอาหารหน้าใหม่จะเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก
3. การวางแผนรับมือกับความท้าทายในอุตสาหกรรมอาหาร ที่ต้องแข่งขันกับแบรนด์เกิดใหม่ และแบรนด์จากต่างประเทศ 4.ความนิยมสินค้าหรือการบริการในระดับพรีเมี่ยมที่เพิ่มสูงขึ้น 5. วงจรของแบรนด์สินค้าจะมีอายุที่สั้นลง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป 6. แบรนด์ต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ ทันกระแส และวางแผนการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกแพลตฟอร์ม 7. การพัฒนาแบบไม่หยุดนิ่ง ปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา 8. ความท้าทายในเรื่องการบริหารจัดการค่าแรงพนักงาน ต้นทุนวัตถุดิบที่มีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อน
แผนการลงทุนปี 2568 วางงบประมาณไว้ที่ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นขยายสาขาใหม่ 800 ล้านบาท รวมกว่า 120 – 140 สาขา งบรีโนเวทสาขาเดิม 200 ล้านบาท งบไอที 200 ล้านบาท และมีงบการตลาดอีก 500 ล้านบาท รวมแล้ว 1,700 ล้านบาท
ปีนี้คาดว่าจะมีแบรนด์ใหม่เพิ่มรูปแบบร่วมทุนกับพันธมิตรอีก 2-3 แบรนด์ อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งเซ็กเมนต์ที่สนใจและมองมาหลายปีแต่ก็ยังไม่มี คือชาบู และปิ้งย่าง ซึ่งยังไม่รวมในงบลงทุนปีนี้
นายณัฐ กล่าวด้วยว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 17,900 ล้านบาท เติบโต 13% ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาถือว่าเป็นไปด้วยดี เติบโตเฉลี่ย 8% แต่ในช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบเล็กน้อย ปัจจุบันซีอาร์จีมีร้านอาหารรวม 21 แบรนด์ แบรนด์รายได้หลักเช่น เคเอฟซี อานตี้แอนส์ โอโตยะ มิสเตอร์โดนัท สลัดแฟคทอรี่ กลุ่มของชินกันเซ็น เป็นต้น ส่วนแบรนด์บราวน์ปัจจุบันชะลอการขยายสาขาเหลือเพียง 2 สาขา
ส่วนภาพรวมธุรกิจร้านอาหารใน ปี 2567 ที่ผ่านมา มีความท้าทายจากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น การเปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารใหม่ ๆ ที่เพิ่มการแข่งขันในตลาด ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ซีอาร์จี ยังเติบโต 9% ทำรายได้ 15,800 ล้านบาท มีมากกว่า 1,300 สาขา ทั่วประเทศ และเปิดแบรนด์น้องใหม่ 2 แบรนด์ ได้แก่ NAMA Japanese and Seafood Buffet และ Katsu Midori Sushi พร้อมทั้งปรับโฉม Katsuya Flagship @ Central World เป็นต้น
โดยในปี 2568 ซีอาร์จีได้กำหนดแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจ ด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ผลักดันการเติบโตตามเป้าหมายอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย
1. GROW : วางแผนต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ พร้อมขยายสาขาในแบรนด์ที่มีกำไร อาทิ “เคเอฟซี” “มิสเตอร์ โดนัท” “อานตี้ แอนส์” “โอโตยะ” “คัตสึยะ” “ส้มตำนัว” “สลัดแฟคทอรี่” “ชินคันเซ็น ซูชิ” “นักล่าหมูกระทะ” และสร้างแบรนด์ดิ้ง ตลอดจนไม่หยุดนิ่งคิดค้นพัฒนา ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยทีม “Delicious lab” ซึ่งในปี 67 ที่ผ่านมาได้พัฒนาสินค้าใหม่ ออกจำหน่ายกว่า 500 เมนู คิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดขาย โดยบุคลากรในทีมมีความหลากหลาย ทั้งด้านประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ประกอบด้วย แม่ครัวที่ประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และเด็กรุ่นใหม่ที่จบด้าน Food science และคหกรรม มีทักษะสูงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มี passion กับการกิน (Foodie) ซึ่งความแตกต่างในกลุ่มช่วงอายุ ทำให้เราสามารถพัฒนาสินค้าที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยเน้นการพัฒนาสินค้าที่มีรสชาติอร่อย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และกระแสการบริโภคใหม่ ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ
2. DRIVE : ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย ภายใต้ 3C Actions ได้แก่ Cost บริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด Capex เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ Cash Flowการบริหารกระแสเงินสด ตลอดจน การลงทุน ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น พร้อมนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการร้านอาหารมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและบริการ เช่น Self-ordering kiosk, Service robot, Tablet ordering
3. BUILD : เติมเต็มความแข็งแกร่ง ร่วมพัฒนาธุรกิจ และให้ความสำคัญในกลุ่ม JV Partner โดยตั้งเป้าขยายมากกว่า 25 สาขา พร้อมเฟ้นหาแบรนด์ที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อเสริมความแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอ ซึ่งตามแผนงานบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มอีก 2 – 3 แบรนด์ในปีนี้ ในกลุ่มชาบู และปิ้งย่าง ภายใต้ CRG Ecosystem ให้พันธมิตรร่วมกันเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
4. SUSTAIN : ผลักดันความยั่งยืนทุกมิติ : หนึ่งในพันธกิจสำคัญด้านความยั่งยืนด้วย “CRG” STRATEGY
– CARE for People & Partner การดูแลบุคลากร และ พันธมิตรด้านธุรกิจ พร้อมเปิดกว้างรับความหลากหลาย สร้างความเท่าเทียม และสร้างสมดุลในการทำงานเพื่อให้พนักงานมีความสุข มีความผูกพันกับองค์กร ตลอดจนการสร้างประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกับพันธมิตรอย่างมีธรรมาภิบาล
– REDUCE Greenhouse Gases ให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลง 2% ซึ่งในปี 2567 ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ ขยายการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 3 แห่ง ไปยังสาขาของแบรนด์เคเอฟซี และ แบรนด์สลัดแฟคทอรี่ รวมปัจจุบันมีการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 16 แห่ง สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 963,512.59 กิโลวัตต์ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 0.96 ของการใช้พลังงานทั้งหมด สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 481.66 tCO2e ถือได้ว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างแนวทางการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้าน ESG และสนับสนุนเป้าหมายด้าน Net Zero ขององค์กร
– GREEN Waste & Environment ลดปริมาณขยะอาหารที่เกิดจากการใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิตอาหาร ดำเนินงานต่อเนื่องในโครงการ CRG Food Waste : Journey to Zero ร่วมมือกับ เซ็นทรัลพัฒนา ในโครงการ “ไม่เทรวม” และ CRG Surplus Food โครงการส่งมอบอาหารคุณภาพดีส่วนเกินจากการจำหน่าย ให้กับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอสโอเอส ประเทศไทย และมูลนิธิ วีวี แชร์ เพื่อไปบริจาคให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร ผู้ยากไร้ กลุ่มเปราะบาง โดยบริจาคโดนัทจากแบรนด์มิสเตอร์ โดนัท
นายกณพ ศรีอาวุธ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย Food Innovation บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้นำทีม Delicious Lab กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคได้รับอิทธิพลจากสื่อโซเชียล โดยทีมทำหน้าที่ในการพัฒนาสินค้าจากการสำรวจตลาด ศึกษาลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล โดยทำงานร่วมกับฝ่ายการตลาด จนไปถึง Partner และ Supplier จนกว่าจะเป็นสินค้าใหม่ออกมา ซึ่งในปี 67 ที่ผ่านมาได้พัฒนาสินค้าใหม่ ออกจำหน่ายกว่า 500 เมนู คิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดขาย
โดยจะโฟกัสกลยุทธ์ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. Quality = Delicious จากปีที่ผ่านมาเราสร้างการเติบโตด้วยวิธีการรับประทานใหม่ ๆ เช่นการรับประทาน Tonkatsu Nabe ทั้งแบบ Sukiyaki, Cheese sauce โดยปีนี้ จะชูจุดแข็งของคุณภาพวัตถุดิบ ซึ่งลูกค้าหลาย ๆ ท่านยังไม่ทราบว่าร้าน Katsuya และ Ootoya เราใช้หมูสด ไม่แช่แข็ง ทั้งนี้ เราจะยังพัฒนาคุณภาพต่อในส่วนของกลุ่ม Bakery cuisine ทั้งความนุ่ม ความสดใหม่ของการผลิต
2. Premium Affordable การที่แบรนด์ของเราเข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง การนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า การใช้วัตถุดิบพรีเมี่ยม หรือนำเข้า โดยเป็นรสชาติ และ Taste profile ที่ลูกค้ารับรู้อยู่แล้วว่าเป็นของดี ของแพง แต่ราคาเข้าถึงได้ง่าย
3. Innovation คือการตอกย้ำการเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม แป้งโดนัทชนิดใหม่ ๆ เช่นในปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จอย่างมากจากโดนัท
ไวท์พอนเดอริง และแป้งข้าวญี่ปุ่นคุมาโมโต้ ซึ่งนำเสนอเนื้อสัมผัสนุ่มหนึบที่คนไทยชื่นชอบ ในปีนี้เรายังต่อยอดจากความสำเร็จด้วย โดนัท ไวท์ พอนเดอริง สตรอเบอรี่ ที่มีไอเดียจากความนิยมในการทานสตรอเบอรี่คู่กับนมข้นหวานของชาวญี่ปุ่น แต่เรามาปรับการนำเสนอเป็น โดนัท ไวท์ พอนเดอริง ที่มีสีชมพูสดใสของรสชาติสตรอเบอรี่