สารพัดค่าย “รถจีน” กำลังตั้งเป้าบุกตลาดระดับโลก โดยมีตลาดยุโรปเป็นหน้าด่านแรก ส่งผลกดดันต่อเจ้าตลาดเก่าอย่าง Mercedes-Benz, BMW และ Volkswagen ค่ายรถสัญชาติยุโรป ในอนาคตรถจีนจะเร่งบุกต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ ไล่ชิงมาร์เก็ตแชร์จาก Ford และ GM
อุตสาหกรรมรถยนต์จีนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จนทำให้ค่าย “รถจีน” น่าจะเติบโตแซงหน้าแบรนด์รถยนต์ต่างชาติที่เคยเป็นแบรนด์ฮิตในจีน เช่น Ford, GM ได้ภายในปี 2023 และเมื่อรถจีนสามารถเอาชนะต่างชาติได้ในประเทศบ้านเกิด เป้าหมายต่อไปที่แบรนด์รถจีนกำหนดคือการเดินหน้าสู่อนาคตตลาดโลก
แม้ว่าตลาดรถอีวีในจีนจะเริ่มชะลอตัวลงด้วยดีมานด์การซื้อในประเทศที่ลดลง แต่โรงงานผลิตรถยนต์ของจีนก็ยังเดินเครื่องเต็มกำลังเพื่อขยายตลาดสากล โดยมี “ยุโรป” เป็นตลาดแรกที่จีนจะเจาะเข้าไปให้ได้
มีการรายงานล่าสุดจากงานแสดงโชว์รถยนต์ Munich Auto Show พบว่า บรรดาผู้บริหารค่ายรถยนต์ยุโรปเจ้าตลาดเดิมหลายรายรู้สึกกังวลกับการเข้าสู่ตลาดของค่ายรถยนต์จากจีน เพราะปีนี้แบรนด์รถยนต์จากจีนได้รับความสนใจสูงมากในงาน จากปกติแล้วค่ายรถยนต์เยอรมันมักจะเป็นดาวเด่นของงาน
งานครั้งนี้มีแบรนด์รถยนต์จีนอย่าง BYD ที่ส่งรถยนต์ประเภท SUV ขนาดกลางและรถเก๋งซีดานขนาดกลางเข้าไปโชว์ตัวเพื่อจะเริ่มขายในยุโรปปลายปีนี้ ขณะที่ XPeng ซึ่งเริ่มขายในยุโรปแล้ว 4 ประเทศก็ประกาศแล้วว่าจะเริ่มเจาะตลาดเยอรมนีภายในปี 2024 ส่วนค่ายรถ Leapmotor อีกหนึ่งแบรนด์จากจีนก็จะเริ่มเข้าตลาดยุโรปภายในปี 2024 เช่นกัน
“เยอรมนีกำลังเสียความสามารถในการแข่งขันไป” Hildegard Mueller ประธาน สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเยอรมนี กล่าวกับสำนักข่าว Reuters ระหว่างร่วมงาน Munich Auto Show
“รถจีน” มีรถอีวีที่ล้ำหน้ากว่า
จุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ “รถจีน” เจาะเข้าตลาดยุโรปได้ง่ายขึ้น เกิดจากการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของค่ายรถยุโรปที่ค่อนข้างจะช้ากว่า
KPMG บริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง คาดการณ์ว่า บริษัทรถจากจีนจะสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในยุโรปได้ 15% ภายในเวลา 2 ปี
ผู้เชี่ยวชาญบางรายกล่าวว่า รถยนต์อีวีของจีนนั้นล้ำหน้าทางเทคโนโลยีมากกว่ากลุ่มค่ายรถยนต์ที่เป็นผู้นำตลาดโลก ณ ขณะนี้ และพวกเขาจับชีพจรความต้องการของผู้บริโภคได้ดีกว่า
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้จีนมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าเพราะจีนเป็นแหล่งซัพพลายเชนการผลิตแบตเตอรีสำหรับรถอีวี และเป็นผู้ควบคุมการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรีรถยนต์โดยส่วนใหญ่
ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจีนจึงได้เปรียบในการผลิตรถอีวีในราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะสร้างความสำเร็จในอนาคตให้กับค่ายรถ ปัจจุบันนี้ค่ายรถยนต์จีนก็กำลังตัดราคากันเองในสนามแข่งขันที่จีน ซึ่งต่อไปน่าจะเกิดขึ้นในยุโรปด้วย
ป้ายต่อไปบุก “สหรัฐฯ”
แม้ว่าตลาดสหรัฐฯ จะตั้งกำแพงกีดกันรถจีนได้มากกว่าตลาดยุโรปก็ตาม แต่ในที่สุดแล้วบริษัทรถจีนเหล่านี้จะต้องบุกเข้าตลาดสหรัฐฯ ให้ได้อย่างแน่นอน
“ในความเห็นของเรา จีนจะเปลี่ยนจากการเป็นผู้นำเข้ารถยนต์ไปสู่การเป็นผู้ส่งออกรถยนต์” นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley กล่าวในบทวิเคราะห์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทรถจีนรวมกันสามารถส่งออกรถยนต์ได้มากกว่าบริษัทรถญี่ปุ่นรวมกันเรียบร้อยแล้ว
Source