KCG จับกระแส “กินเจ” ส่ง Plants based ตีตลาด ช่วยดันรายได้ 7,000 ล้านในสิ้นปี


ในปีนี้ เทศกาลกินเจ 2566 ตรงกับวันที่ 15-23 ตุลาคม ซึ่งรวมเป็นระยะเวลา 9 วัน และเป็นที่รู้กันดีว่าในทุกๆปีของเทศกาลกินเจจะเต็มไปด้วยการจัดงาน การจำหน่ายอาหารมากมาย แม้ว่าจะเป็นในช่วงเทศกาล แต่อีกด้านหนึ่งคือ ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น เน้นการซื้อสินค้าที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ เห็นได้จากการเติบโตของอาหารเพื่อสุขภาพที่ทำจาก Plants based ในรูปแบบ อาหารพร้อมทานหลากหลายเมนู เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง   

ด้าน วาทิต ตมะวิโมกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการบริษัท เคซีจี                คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าเทศกาลเจของไทยในปี 2566 จะกลับมาคึกคักขึ้นกว่าช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ด้วยอานิสงส์จากเทศกาลกินเจที่ถูกจัดขึ้นทุกปี ประกอบกับการที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น เน้นการซื้อสินค้าที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ เห็นได้จากการเติบโตของอาหารเพื่อสุขภาพที่ทำจาก Plants based ในรูปแบบ อาหารพร้อมทานหลากหลายเมนู เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง   

ส่งผลให้ เคซีจี เดินหน้าทุ่มงบเพื่อโปรโมตกิจกรรมทางการตลาดในช่วงเทศกาลเจในปีนี้กว่า 5 ล้านบาท ผ่านการเปิดตัวแคมเปญพิเศษ “เจนี้ดีต่อใจ” ที่วางกลยุทธ์การตลาดไว้แบบครบ 360 องศา รวมหลากหลายไฮไลต์และเปิดมิติใหม่ของเทศกาลเจในเมืองไทยให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งเคซีจีเชื่อมั่นว่าการทำกิจกรรมทางการตลาดในครั้งนี้ จะสร้างกระแสการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในทุก Life Style ของผู้บริโภค และช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปี รวมทั้งมองว่ายอดขายจากงานในครั้งนี้จะเป็นการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

เบื้องต้นบริษัทฯ คาดการณ์ว่า แคมเปญ “เจนี้ดีต่อใจ” จะเป็นหนึ่งในแคมเปญที่ช่วยผลักดันให้ยอดขายของเคซีจีในปี 2566 เติบโตไปตามแผนงานที่ได้วางไว้

ทั้งนี้หากดูในส่วนของภาพรวมบริษัทเคซีจีมีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและจำหน่ายเป็นแบรนด์ตัวเองอยู่ประมาณ 75% ส่วนอีก 25% เป็นการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากทั่วโลก ซึ่งการผลิตและจำหน่ายนั้นมีทั้งในประเทศและส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ที่เริ่มจากอาเซียน จนขยายไปสู่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตามลำดับ ฯลฯ โดยยอดขายที่ส่งออกไปคิดเป็น 4-5% ซึ่งเริ่มมาได้ 4-5 ปี เนื่องจากเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ที่จะทำการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ ผ่านตัวแทนจำหน่าย 

ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจที่จะทำรายได้เติบโตสองหลักทุกปี คาดว่าปีนี้จะจบรายได้ที่ 7,000 ล้านบาท รวมทั้งตั้งเป้ารายได้ปี 66 โตไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งจาก 2 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯ ทำไปได้เกือบจะครึ่งทาง โดยยอดขายส่วนใหญ่ที่เติบโตจะมาจากผลิตภัณฑ์ทั้งสามกลุ่มได้แก่ กลุ่ม Dairy product ผลิตภัณฑ์จากนม, กลุ่มวัตถุดิบที่นำไปประกอบอาหารและเบเกอรี่ และสุดท้ายคือกลุ่มบิสกิต พร้อมส่งซิกผลงานไตรมาส 3-4 โตแกร่งรับไฮซีซั่นและเป็นไปตามแผน โดยเฉพาะไตรมาส 4/66 คาดว่าจะพีกสุดในรอบปี 

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน KCG จะนำไปใช้ 1. ขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงไลน์การผลิต พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับกระบวนการผลิต 2. เดินหน้าลงทุนก่อสร้าง KCG Logistics Park 3. นำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

ขณะที่สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่จะมาจาก B2B อยู่ที่ 57% และ B2C อยู่ที่ 43% ทั้งนี้ในส่วนของยอดขายทางช่องทางออนไลน์หลังสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาพบว่าเติบโตปีละสองเท่าตัว 

“ส่วนทางด้านคู่แข่งมองว่าในตลาดมีในเซกเตอร์เดียวกันไม่มากนัก เนื่องจากมองว่าในเรื่องของเนย กับชีส ถือได้ว่าทำค่อนข้างยาก ต้องอาศัยประสบการณ์ ทำให้ตลาดเนยเราถือเป็นอันดับ 1 มา 5 ปีซ้อน ส่วนชีสอยู่อันดับ 1 มา 3-4 ปี และกลุ่มผลิตภัณฑ์จากนมเรามีสัดส่วนกว่า 50% โดยประมาณ ดังนั้นในอนาคตภาพต่อไปของ KCG มีแผนจะไปเจาะตลาดสตรีทฟู้ดมากขึ้นผ่านตัวแทนจำหน่าย และการ collaboration ปัจจุบันมีสินค้าในพอร์ตกว่า 2,100 SKUs ส่วนผลิตภัณฑ์เจมีประมาณ 143 ชนิด” วาทิต กล่าว

KCG ชู 3 แนวคิดหลัก

ส่วนทางด้านแคมเปญ “เจนี้ดีต่อใจ” ถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ 3 แนวคิดหลัก ประกอบด้วย 1. ใจสะอาด : อิ่มบุญด้วยการร่วมถือศีลกินเจกับเคซีจี โดยเคซีจีให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนเทศกาลเจในทุกปี 2. ใจแข็งแรง : ละเว้นการทานเนื้อสัตว์ เพื่อให้มีสุขภาพดี หัวใจแข็งแรง จึงรังสรรค์ 30 เมนูดีต่อใจ เพื่อให้ทุกคนสามารถมีทางเลือกใหม่ๆ ในการรับประทานอาหารเจได้อย่างมีความสุขและสุขภาพดี และ 3. ใจฟู : รับสิทธิ์ร่วมทริปไหว้พระเสริมกำลังใจ กับหมอช้าง ที่มาเก๊า 3 วัน 2 คืน จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง ทริปพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าที่ร่วมแคมเปญ “เจนี้ดีต่อใจ” 

พร้อมอัดแน่นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่อเนื่องตลอดเทศกาล อาทิ ร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมรณรงค์ให้คนไทยทานเจ พร้อมออกบูธจำหน่ายสินค้าโปรโมชั่นราคาพิเศษที่ไอคอนสยามและเยาวราช, ตกแต่งบรรยากาศ ณ จุดขาย พร้อมจัดโปรโมชั่นสินค้าเจราคาพิเศษทั้งใน ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าทั่วประเทศ, จัดเพื่อโปรโมตโปรโมชั่นสินค้าเจราคาพิเศษในช่องทางการขายออนไลน์ทั้ง KCG online, Shopee, Lazada ทั้งยังสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดเชิงรุกด้วยการจัดขบวนโร้ดโชว์แคมเปญ “เจนี้ดีต่อใจ” ทั้งหมด 5 ที่ 5 วัน ได้แก่ ถนนสีลม, ไอคอนสยาม, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เยาวราช และสามย่านมิตรทาวน์  

โดยเทศกาลกินเจในปีนี้ เคซีจี ได้จุดประกายไอเดียเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภค โดยได้นำแนวคิดในการสร้างสรรค์เมนูเจในสไตล์ “เวสเทิร์น (western)” เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่เเทศกาลเจของประเทศไทย เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารเจได้แบบไม่จำเจอีกต่อไป “จากการสำรวจและวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พบว่าเมนูอาหารเจแบบเดิมๆ ที่เน้นเป็นเมนูอาหารประเภทผัด ทอด โดยใช้วัตถุดิบหลักเป็นแป้งและผักต่างๆ คือเมนูที่คนไทยคุ้นเคยมาแต่ช้านาน ส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนอยากให้เมนูอาหารเจมีความหลากหลายและแปลกใหม่ยิ่งขึ้น”

ในปีนี้ เคซีจี จึงได้สร้างสรรค์ทางเลือกใหม่เพื่อลบภาพจำเมนูเอาหารเจแบบเก่า ด้วยการนำเสนอเมนูเจสไตล์ตะวันตกในรูปแบบและรสชาติใหม่ๆ ที่รวม 30 เมนู ทั้งนี้ Cookbook 30 เมนูเจดีต่อใจในแบบเวสเทิร์นสไตล์ ได้รับการรังสรรค์โดย KCG Chef Ambassador รวม 7 ท่าน ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียมกว่า 100 รายการ


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *